Channel Avatar

เด็กวัด DekWat 泰國寺庙 古迹. @UCteEwz__2vGasEFpH9Tp3UQ@youtube.com

1.5K subscribers - no pronouns :c

วัดเก่า, โบราณสถาน โบราณวัตถุ, ประวัติศาสตร์ - พาเที่ยว - แน


Welcoem to posts!!

in the future - u will be able to do some more stuff here,,,!! like pat catgirl- i mean um yeah... for now u can only see others's posts :c

เด็กวัด DekWat 泰國寺庙 古迹.
Posted 5 months ago

หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง: พระสงฆ์ผู้เปี่ยมด้วยพลังศรัทธา และมหัศจรรย์
ประวัติอันน่าทึ่ง

หลวงปู่เหรียญ ถาวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดบางระโหง จังหวัดนนทบุรี ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ในนามเดิมว่า "เหรียญ" ในวัยหนุ่ม ท่านเคยออกจากบ้านไปทำงานรับจ้างที่อยุธยา ครั้งหนึ่ง เกิดเหตุการณ์คนร้ายมาลักข้าว หลวงปู่พร้อมพวกได้เสกใบยานให้กินแล้วต่อสู้กับคนร้าย ผลลัพธ์คือ พวกหลวงปู่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

ชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์
หลวงปู่บวชเมื่ออายุ ๓๑ ปี ณ วัดขวัญเมือง จังหวัดนนทบุรี ได้รับฉายาทางพุทธศาสนาว่า "ถาวโร" ท่านเรียนนักธรรมจนได้นักธรรมเอกที่จังหวัดขอนแก่น และกลับมาจำพรรษาที่วัดขวัญเมือง ในช่วงนี้ ท่านได้เรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อบัว เจ้าอาวาสวัดขวัญเมือง และอาจารย์เที่ยง อาจารย์ผู้มีวิชาอาคมขลัง

ธุดงค์และบำเพ็ญเพียร
หลวงปู่เคยออกธุดงค์ไปในป่า ท่านไม่ได้ใช้กลด เพราะท่านฉันบอระเพ็ดเป็นประจำจนยุงไม่กัด ระหว่างธุดงค์ ท่านได้พบอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลังหลายท่าน และเรียนวิชากับอาจารย์ในป่าหลายอย่าง

วัตถุมงคลอันล้ำค่า
หลวงปู่สร้างวัตถุมงคลมากมาย เช่น ตะกรุด พิศมร เบี้ยแก้ พระปิดตา เหรียญ วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์มากมาย เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะตะกรุดของท่านที่เลื่องชื่อว่า "สายเหนียวเมืองนนท์"

บั้นปลายชีวิต
หลวงปู่มีสุขภาพแข็งแรง แต่ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่านเริ่มป่วย เข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง แพทย์วินิจฉัยว่าท่านเป็นมะเร็งปอด หลวงปู่ถึงแก่มรณะภาพเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๑ สิริอายุได้ ๙๒ ปี ๖๒ พรรษา

มรดกอันล้ำค่า
แม้หลวงปู่เหรียญจะมรณภาพไปแล้ว แต่ท่านยังคงอยู่ในความทรงจำของลูกศิษย์ลูกหาและผู้เคารพศรัทธา วัตถุมงคลของท่านยังคงเป็นที่แสวงหา และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ผู้คนผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต

1 - 0

เด็กวัด DekWat 泰國寺庙 古迹.
Posted 5 months ago

วัดเกาะพระยาเจ่ง: อัญมณีแห่งเมืองนนท์ เต็มไปด้วยเรื่องราวและศิลปกรรมอันล้ำค่า
ย้อนเวลากลับไปกว่า 200 ปี สู่วัดเกาะพญาเจ่ง หรือที่ชาวมอญเรียกว่า "ဘာတ္ကံဗညာစိၚ်" (Bha Takhan Banyaciny) วัดมอญเก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวอันน่าค้นหา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใจกลางจังหวัดนนทบุรี

ที่มาของชื่อ
คำว่า "เกาะ" ในชื่อวัด นั้นมาจากภาษามอญ แปลว่า "แผ่นดินที่ถูกล้อมรอบด้วยน้ำ" สะท้อนให้เห็นถึงภูมิประเทศดั้งเดิมของวัดที่เคยเป็นเกาะเล็ก ๆ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ

จากวัดเกาะสู่วัดเกาะพญาเจ่ง
ในอดีตวัดแห่งนี้เคยมีชื่อเรียกหลายชื่อ เริ่มแรกคือ "วัดเกาะ" หรือ "วัดเกาะบางพูด" ต่อมาเมื่อชุมชนชาวมอญอพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดเกาะรามัญ" และสุดท้ายในสมัยรัชกาลที่ 3 หลวงบริณัยจรรยาราษฎร์ (มณฑล คชเสนี) ทายาทสกุลคชเสนี ผู้บูรณะวัดต่อจากบรรพบุรุษ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดเกาะพญาเจ่ง" เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณูปการของบรรพบุรุษ

อุโบสถอันงดงาม
หัวใจสำคัญของวัดเกาะพญาเจ่งคืออุโบสถ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณี เสาเหลี่ยมไม่มีคันทวย หน้าบันด้านล่างเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ ด้านบนเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ผูกลายไทยทองร่องชาด ตัวอาคารแบบแอ่นท้องเรือ สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาและความประณีตของช่างฝีมือในอดีต

พระประธานอันศักดิ์สิทธิ์
ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย พระพุทธรูปปางสำคัญที่สื่อถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้า เบื้องหน้าพระประธานมีพระพุทธรูปปางปาฏิหาริย์ ที่เชื่อกันว่าแสดงถึงอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า

จิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม
วัดเกาะพญาเจ่งขึ้นชื่อเรื่องจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม เป็นงานศิลปะสมัยรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 5 บอกเล่าเรื่องราวทางพุทธศาสนา นิทานพื้นบ้าน และวิถีชีวิตของผู้คนในอดีต ด้วยความวิจิตรบรรจง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในประเทศไทย

สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด
วัดเกาะพญาเจ่ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การมาเยือน เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และความงดงามของวัดวาอารามไทย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมวัดได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึง 18.00 น.

ข้อมูลการติดต่อ
ที่ตั้ง : เลขที่ 108 หมู่ที่ 1 ซอยสุขาประชาสรรค์ 2 ซอย 15 ถนนสุขาประชาสรรค์ 2 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
Google Map : goo.gl/maps/WKz4fPBEMA4z6Fi48?entry=yt


วัดเกาะพญาเจ่ง รอต้อนรับผู้มาเยือนทุกท่าน มาสัมผัสกับเสน่ห์และเรื่องราวอันน่าค้นหา พร้อมขอพรให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดี ๆ

3 - 0

เด็กวัด DekWat 泰國寺庙 古迹.
Posted 5 months ago

วัดโบสถ์ (หลวงปู่เทียน)
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2164 ประวัติการก่อสร้าง ตลอดจนผู้ริเริ่มไม่ปรากฏว่า มีท่านผู้ใดเคยทราบมาก่อน แต่สันนิฐานว่า คงจะเป็นชาวรามัญที่อพยพมาจากหงสาวดีเป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างขึ้น เพราะมีหลักฐาน อันปรากฏ อยู่ที่พอจะเชื่อถือได้คือ เสาหงส์ ซึ่งแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งเมืองหงสาวดี ถึงแม้ว่า ที่วัดโบสถ์นี้ ก็ยังคงเคยมีมาก่อนเป็นเสาแปดเหลี่ยมลงรักปิดกระจกเป็นรูปโพธิ์ตลอดทั้งเสา ที่ยอดเสาหงส์นั้นมีรูปช้างสี่เศียรและบุษบกทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ปัจจุบันนี้ เสาหงส์ได้ชำรุดหมดแล้ว คงเหลือแต่บุษบก กับ รูปช้างสี่เศียรเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีท่านผู้ใหญ่อายุ 90 ปีเศษ อีกหลายท่าน ที่พูดภาษารามัญได้เป็นอย่างดี.
เล่ากันว่า เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ในอดีต เคยมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีสมณะศักดิ์เป็นราชาคณะ แต่มีเจ้าอาวาสมาแล้วกี่องค์ไม่ปรากฏ ที่ประชาชนส่วนมากรู้จัก คือ พระครูบวรธรรมกิจ หรือ หลวงปู่เทียน ดุลยกนิษฐ เท่านั้น.
สำหรับ พระครูบวรธรรมกิจ หรือ หลวงปู่เทียน ดุลยกนิษฐ ท่านเป็นพระที่ส่งเสริมในด้านการศึกษา ดังจะเห็นได้ว่า ท่านเป็นพระเถระผู้ทรงคุณวิทยา ผู้ศรัทธาเลื่อมใส ได้พากันมาขอให้หลวงปู่ท่านสร้างพระเครื่อง เครื่องรางของขลังประเภทต่างๆขึ้น แจกเป็นสิริมงคล ซึ่งปรากฏว่า เครื่องรางของขลังที่หลวงปู่เทียนสร้างขึ้นนั้น มีอิทธิฤทธิ์ สามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้เป็นอย่างดี ทำให้พระเครื่องหลวงปู่เทียน ดังโด่ง ไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะ เหรียญโบราณ หลวงปู่เทียน เป็นที่ต้องการของบรรดาผู้นิยมสะสมพระเครื่องเป็นอย่างมาก.

ที่อยู่: 96 หมู่ 5 ตำบล บ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
เวลาทำการ:
เปิด ⋅ ปิด 17:00
ชื่อสามัญ: วัดโบสถ์
ที่ตั้ง: หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี 12000
พิกัด GPS วัดโบสถ์ ปทุมธานี:
14.114325802619517,100.54009504299165

1 - 0

เด็กวัด DekWat 泰國寺庙 古迹.
Posted 6 months ago

วัดธรรมศาลาตั้งอยู่ที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ทางด้านหน้าวัดมีคลองธรรมศาลา ชื่อเดิมเรียกว่า “คลองกรุงศรี” ทางด้านหลังวัดมีคลองกง ซึ่งอ้อมวัดมาบรรจบกับคลองธรรมศาลา วัดแห่งนี้ไม่ปรากฏประวัติดั้งเดิมว่ามีมาแต่สมัยใด

วัดในปัจจุบันเป็นวัดที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ แต่เดิมนั้นมีศาลาเก่าแก่สำหรับชาวบ้านประกอบงานบุญอยู่ศาลาหนึ่ง บริเวณใกล้เคียงกับศาลานี้มีโคกดินและเศษอิฐหักพัง ดูจะเป็นโบราณสถานเก่าแก่ ด้านหน้าเป็นโพรงลึกคล้ายปากถ้ำ

ในสมัยก่อนนั้นคนเฒ่าคนแก่เล่าว่าสามารถเข้าไปข้างในได้ลึกถึง 20 วา แต่ปัจจุบันโพรงนี้ตื้นมาก เพราะการปรักหักพัง บริเวณเหนือโคกมีต้นโพธิ์ใหญ่ขึ้นอยู่ และบริเวณเนินคล้ายมีวิหารเก่าตั้งอยู่ ในสมัยก่อนสัก 30 ปี ในอาณาบริเวณนี้เมื่อขุดลงไปจะเจอซากอิฐโบราณ และพบเศษปูนปั้น รูปเทวดาหรือพระพุทธรูป แต่ก็ชำรุดจนไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นรูปอะไรแน่ เพียงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสมัยทวารวดี

ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าให้ฟังว่า มีตำนานเล่าสืบกันมาว่า ถ้ำและโคกแห่งนี้มีมาแต่สมัยพระยากง เป็นปากอุโมงค์สำหรับการสัญจรติดต่อไปที่โคกพระ (วัดโคกพระเจดีย์) ซึ่งห่างไปประมาณ 4 ก.ม. ไปทางทิศใต้ และอุโมงค์นี้จะเจาะต่อไปอีก 8 ก.ม. ไปขึ้นที่วิหารหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ กล่าวกันว่าเมื่อพระยากงมีความสำคัญจะนัดหมายชุมนุมกันในถ้ำ จนเรียกกันว่า “ถ้ำมาปรึกษา” ต่อมาเพี้ยนเป็น “ธรรมศาลา”

โดยพระยากงอาศัยเส้นทางตามอุโมงค์ในการเสด็จพระราชดำเนินในระหว่างสถานที่สำคัญทั้งสามแห่ง นอกจากนั้นได้ขุดคลองล้อมรอบไว้เพื่อกั้นทางเข้าถ้ำ ตามคตินิยมโบราณ ซึ่งคลองนี้เรียกว่า “คลองกง” ส่วนคลองที่มาบรรจบนั้นก็คือคลองกรุงศรี คลองนี้ชาวบ้านเข้าใจว่าเดิมคือ “คลองกรุงศรีวิชัย”

ตามตำนานเล่าต่อมาว่า ภายในถ้ำมีศาลาฤๅษี มีเครื่องใช้สอยอยู่เป็นจำนวนมาก ในสมัยโบราณนั้นเมื่อมีใครจะจัดงานก็จะไปนำสิ่งของเหล่านี้มาใช้ แล้วก็นำมาคืน แต่มาภายหลังมีคนใจบาปนำข้าวของไปแล้วไม่นำมาคืน จึงเกิดอาเพศทำให้ถ้ำพังทลายลงมา จนไม่อาจจะเข้าไปได้อีก

จากตำนานเก่าแก่ที่เกี่ยวพันกับพระยากง และซากเศษอิฐโบราณ ก็น่าจะเป็นโบราณสถานสมัยทวารวดี ได้ทราบต่อมาว่า ในปัจจุบันกรมศิลปากรได้ไปสำรวจขุดแต่งแล้ว พบว่าเป็นเจดีย์ในสมัยทวารวดีจริงๆ และพบเศษปูนปั้น ข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งเป็นสมัยทวารวดีจริงๆ

ในปัจจุบันก็สามารถเข้ามาเที่ยวชมโบราณสถานที่ขุดพบ พร้อมทั้งปากอุโมงค์ที่ได้กล่าวไว้ในตำนานได้ และนอกจากนี้จะได้มากราบสักการะรูปเหมือนหลวงพ่อน้อย เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วยครับ

เรื่องตำนานโบราณต่างๆ นั้น ก็มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง ที่เราน่าศึกษา อาจจะเป็นประวัติที่ให้เราค้นหาเรื่องราวในอดีตต่างๆ ได้ครับ และที่เล่ามานี้ก็เป็นเกร็ดส่วนหนึ่งของโบราณสถานวัดธรรมศาลา

1 - 0

เด็กวัด DekWat 泰國寺庙 古迹.
Posted 6 months ago

วัดธรรมศาลาตั้งอยู่ที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ทางด้านหน้าวัดมีคลองธรรมศาลา ชื่อเดิมเรียกว่า “คลองกรุงศรี” ทางด้านหลังวัดมีคลองกง ซึ่งอ้อมวัดมาบรรจบกับคลองธรรมศาลา วัดแห่งนี้ไม่ปรากฏประวัติดั้งเดิมว่ามีมาแต่สมัยใด

วัดในปัจจุบันเป็นวัดที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ แต่เดิมนั้นมีศาลาเก่าแก่สำหรับชาวบ้านประกอบงานบุญอยู่ศาลาหนึ่ง บริเวณใกล้เคียงกับศาลานี้มีโคกดินและเศษอิฐหักพัง ดูจะเป็นโบราณสถานเก่าแก่ ด้านหน้าเป็นโพรงลึกคล้ายปากถ้ำ

ในสมัยก่อนนั้นคนเฒ่าคนแก่เล่าว่าสามารถเข้าไปข้างในได้ลึกถึง 20 วา แต่ปัจจุบันโพรงนี้ตื้นมาก เพราะการปรักหักพัง บริเวณเหนือโคกมีต้นโพธิ์ใหญ่ขึ้นอยู่ และบริเวณเนินคล้ายมีวิหารเก่าตั้งอยู่ ในสมัยก่อนสัก 30 ปี ในอาณาบริเวณนี้เมื่อขุดลงไปจะเจอซากอิฐโบราณ และพบเศษปูนปั้น รูปเทวดาหรือพระพุทธรูป แต่ก็ชำรุดจนไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นรูปอะไรแน่ เพียงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสมัยทวารวดี

ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าให้ฟังว่า มีตำนานเล่าสืบกันมาว่า ถ้ำและโคกแห่งนี้มีมาแต่สมัยพระยากง เป็นปากอุโมงค์สำหรับการสัญจรติดต่อไปที่โคกพระ (วัดโคกพระเจดีย์) ซึ่งห่างไปประมาณ 4 ก.ม. ไปทางทิศใต้ และอุโมงค์นี้จะเจาะต่อไปอีก 8 ก.ม. ไปขึ้นที่วิหารหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ กล่าวกันว่าเมื่อพระยากงมีความสำคัญจะนัดหมายชุมนุมกันในถ้ำ จนเรียกกันว่า “ถ้ำมาปรึกษา” ต่อมาเพี้ยนเป็น “ธรรมศาลา”

โดยพระยากงอาศัยเส้นทางตามอุโมงค์ในการเสด็จพระราชดำเนินในระหว่างสถานที่สำคัญทั้งสามแห่ง นอกจากนั้นได้ขุดคลองล้อมรอบไว้เพื่อกั้นทางเข้าถ้ำ ตามคตินิยมโบราณ ซึ่งคลองนี้เรียกว่า “คลองกง” ส่วนคลองที่มาบรรจบนั้นก็คือคลองกรุงศรี คลองนี้ชาวบ้านเข้าใจว่าเดิมคือ “คลองกรุงศรีวิชัย”

ตามตำนานเล่าต่อมาว่า ภายในถ้ำมีศาลาฤๅษี มีเครื่องใช้สอยอยู่เป็นจำนวนมาก ในสมัยโบราณนั้นเมื่อมีใครจะจัดงานก็จะไปนำสิ่งของเหล่านี้มาใช้ แล้วก็นำมาคืน แต่มาภายหลังมีคนใจบาปนำข้าวของไปแล้วไม่นำมาคืน จึงเกิดอาเพศทำให้ถ้ำพังทลายลงมา จนไม่อาจจะเข้าไปได้อีก

จากตำนานเก่าแก่ที่เกี่ยวพันกับพระยากง และซากเศษอิฐโบราณ ก็น่าจะเป็นโบราณสถานสมัยทวารวดี ได้ทราบต่อมาว่า ในปัจจุบันกรมศิลปากรได้ไปสำรวจขุดแต่งแล้ว พบว่าเป็นเจดีย์ในสมัยทวารวดีจริงๆ และพบเศษปูนปั้น ข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งเป็นสมัยทวารวดีจริงๆ

ในปัจจุบันก็สามารถเข้ามาเที่ยวชมโบราณสถานที่ขุดพบ พร้อมทั้งปากอุโมงค์ที่ได้กล่าวไว้ในตำนานได้ และนอกจากนี้จะได้มากราบสักการะรูปเหมือนหลวงพ่อน้อย เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วยครับ

เรื่องตำนานโบราณต่างๆ นั้น ก็มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง ที่เราน่าศึกษา อาจจะเป็นประวัติที่ให้เราค้นหาเรื่องราวในอดีตต่างๆ ได้ครับ และที่เล่ามานี้ก็เป็นเกร็ดส่วนหนึ่งของโบราณสถานวัดธรรมศาลา

0 - 0

เด็กวัด DekWat 泰國寺庙 古迹.
Posted 1 year ago

วัดแม่นางปลื้ม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. ( 3 ภาษา ไทย/อังกฤษ/จีน )
วัดแม่นางปลื้ม ตั้งอยู่ในบริเวณของคลองเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา สันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างขึ้นเมื่อราวๆ ปี พ.ศ. 1920 โดยบริเวณที่ตั้งของวัดนั้น เคยเป็นที่ตั้งค่ายของพม่ามาก่อน นอกจากนั้น วัดแม่นางปลื้ม ยังมีตำนาน รวมไปถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย รวมทั้งโบราณสถานของที่นี่ ก็มีสภาพค่อนข้างจะสมบูรณ์อยู่มากด้วยเช่นกัน.
ในตำนานนั้นเล่าว่า บริเวณนี้เคยเป็นเรือนของ แม่ปลื้ม ซึ่งแม่ปลื้มอาศัยอยู่คนเดียวไม่มีลูกหรือหลานใดๆ วันหนึ่งพระนเรศวรพายเรือมาพระองค์เดียว แต่แล้วก็เจอพายุฝนซัดกระหน่ำเข้า เมื่อทอดพระเนตรเห็นเรือนหลังนี้ยังสว่างด้วยแสงไฟ จึงเสด็จขึ้นท่ามา ขอเสวยน้ำจันทน์และพักค้างแรม โดยที่แม่ปลื้มไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร แต่ก็ต้อนรับอย่างดี และยังมีการกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินด้วยความจงรักภักดี ทำให้พระนเรศวรทรงพอพระทัยอย่างมาก พอเสด็จกลับพระราชวังหลวง หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีการจัดขบวนมารับแม่นางปลื้มไปเลี้ยงอาหารในวัง เพื่อตอบแทนความเมตตาและความภักดีนี้ เมื่อแม่ปลื้มเสียชีวิตลง สมเด็จพระนเรศวรก็จัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ และพร้อมสร้างวัดพระราชทาน ที่ชื่อว่า วัดแม่นางปลื้ม.
ในช่วงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยากันบ้าง ที่ วัดแม่นางปลื้ม นั้น เคยเป็นฐานที่พม่าใช้ยิงปืนใหญ่เข้าไปในกำแพงพระนครด้วยค่ะ เลยทำให้วัดนี้มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์มาก ไม่ถูกเผาทำลายเหมือนวัดอื่นๆ โดยความสวยงามของสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาภายในวัดนี้ ก็จะมีทั้ง พระวิหารเก่าแก่ ที่มี หลวงพ่อขาว ประดิษฐานอยู่ เป็นองค์สีขาวบริสุทธิ์ และมี เจดีย์ทรงกลมฐานสิงห์ล้อม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะเขมรในสมัยนั้น .
ยังมี พระอุโบสถหลังใหม่ ที่บริเวณหน้าบันนั้น จะประดับด้วยปูนปั้นลวดลายสวยงามอย่างมากอีกด้วยค่ะ รวมถึง ซุ้มประตู วัดแม่นางปลื้ม ที่จะเป็นซุ้มประตูวัดแบบโบราณ ให้ความรู้สึกขลังและศักดิ์สิทธิ์มากๆ เหมือนกำลังผ่านประตูทะลุมิติเข้าไปแบบนั้นเลย เป็นอีกวัดเก่าแก่ของ อยุธยา ที่ควรค่ามาเยือนอย่างมาก.

Wat Mae Nang Pleum, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province.
Wat Mae Nang Pleum is located in the area of Khlong Mueang, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province. It is an ancient temple built during the Ayutthaya period, believed to have been constructed around 1920 Buddhist era (approximately 1377 AD). The temple's location was once a campsite for the Burmese before. Besides its historical significance, Wat Mae Nang Pleum is also known for its legends and various historical stories during the Ayutthaya Kingdom. The ancient structures within the temple grounds are quite well-preserved.
According to the legend, this area used to be the residence of Mae Pleum, who lived alone without any children or descendants. One day, King Naresuan the Great sailed his boat alone and encountered a sudden heavy rainstorm. When he looked ashore, he saw a house illuminated by light. He decided to dock and seek shelter there. Mae Pleum, unaware of the king's identity, warmly welcomed him and expressed her respect for the monarch. King Naresuan was deeply touched by her kindness and hospitality. When he returned to the royal palace, he organized a procession to invite Mae Pleum to dine in the palace as a gesture of gratitude. Upon her passing, King Naresuan arranged a dignified funeral and constructed a temple named Wat Mae Nang Pleum in her honor.
During the period before the fall of Ayutthaya, Wat Mae Nang Pleum served as a base from which the Burmese launched artillery attacks against the city walls. As a result, the temple remains relatively intact compared to other temples. The beautiful architecture within the temple reflects the artistry of the Ayutthaya period. Inside the temple, you can find the ancient ordination hall, which houses a white statue of Luang Pho Khao, and a circular stupa surrounded by lion sculptures influenced by the art of that era.
In addition, there is a newly constructed ubosot (ordination hall) in front of the temple adorned with intricately designed stucco patterns. The entrance gate of Wat Mae Nang Pleum is designed in an ancient style, evoking a sense of grandeur and sanctity as if passing through a transcendental gateway. It is truly a remarkable ancient temple in Ayutthaya that is well worth visiting.

Mae Nang Pleum 寺庙 , 大城府.,
Mae Nang Pleum 寺位于大城府 Khlong Mueang 地区。 它是一座建于大城府时期的古庙,据信建于大约 1920 年佛教时代(约公元 1377 年)。 寺庙所在的位置以前曾是缅甸人的营地。 除了其历史意义外,Wat Mae Nang Pleum 还因其在大城府时期的传说和各种历史故事而闻名。 寺庙内的古建筑保存完好。

根据传说,这个地区曾经是 Mae Pleum 的住所,她独自生活,没有孩子或后代。 一天,纳黎宣大帝独自驾船,遭遇突如其来的暴雨。 当他看向岸上时,他看到一座灯火通明的房子。 他决定停靠在那里寻求庇护。 Mae Pleum不知道国王的身份,热情地欢迎他,并表达了对君主的敬意。 Naresuan 国王被她的善良和好客深深打动了。 回到王宫后,他组织了一场游行,邀请 Mae Pleum 到王宫用餐,以示谢意。 在她去世后,Naresuan 国王安排了隆重的葬礼,并为她建造了一座名为 Wat Mae Nang Pleum 的寺庙。

在大城府沦陷之前的时期,湄南寺作为缅甸人对城墙发动炮击的基地。 因此,与其他寺庙相比,该寺庙保持相对完好。 寺庙内美丽的建筑反映了大城府时期的艺术性。 在寺庙内,您可以找到古老的戒堂,里面供奉着一尊白色的龙波考雕像,以及一座圆形佛塔,周围环绕着受那个时代艺术影响的狮子雕塑。

此外,寺庙前还有一座新建的 ubosot(戒堂),装饰着精心设计的灰泥图案。 Mae Nang Pleum 寺的入口大门采用古老风格设计,给人一种庄严和圣洁的感觉,仿佛穿过超然的门户。 不愧是大城府一座非常值得一游的古刹。

0 - 0