Channel Avatar

ลงทุนแมน @UCtFf0Mb7MaluoPuyYonfaPQ@youtube.com

747K subscribers

Empower Everyone with Knowledge “ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้” ก


Welcoem to posts!!

in the future - u will be able to do some more stuff here,,,!! like pat catgirl- i mean um yeah... for now u can only see others's posts :c

ลงทุนแมน
Posted 2 days ago

สรุป 10 บริษัทยักษ์ เทคโนโลยีจีน ที่อยู่ใน MEGA10CHINATECH ที่กำลัง IPO /โดย ลงทุนแมน

1. Tencent ระบบนิเวศเทคโนโลยีอันดับ 1 ในจีน

Tencent ครองตำแหน่งผู้นำด้านโซเชียลมีเดีย เกม และ FinTech ของจีน ด้วย WeChat ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.3 พันล้านคน และ WeChat Pay ที่ครองส่วนแบ่งตลาดการชำระเงินดิจิทัลในจีนกว่า 40%

ในตลาดเกม Tencent ผลิตรายได้สูงสุดในโลกกว่า 32,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Epic Games, Riot Games และบริษัทเกมชั้นนำอีกหลายแห่ง สร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม

2. Alibaba ผู้ครองอาณาจักร E-commerce, Cloud และ AI

Alibaba ผู้บุกเบิก E-commerce จีนที่ครอง ส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกออนไลน์ในจีนกว่า 47% ผ่านแพลตฟอร์ม Taobao และ Tmall ที่มีผู้ใช้งานกว่า 900 ล้านคน และสร้างยอดขาย GMV มากกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

Alibaba Cloud เป็นผู้ให้บริการคลาวด์อันดับ 1 ในเอเชีย ด้วยส่วนแบ่งตลาด 38% ในจีน และอันดับ 4 ของโลก รองจาก AWS, Azure และ Google Cloud พร้อมรายได้จาก Cloud ที่เติบโต 20% ต่อปี

ด้าน AI บริษัทได้เปิดตัว Qwen (Tongyi Qianwen) โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่มีความสามารถแข่งขันกับ GPT และ Claude โดย Qwen 2.5 รองรับ 29 ภาษา พร้อมเปิดให้ใช้งานแบบ open-source ทำให้ Alibaba กลายเป็นผู้เล่นสำคัญในสงคราม AI โลก นอกจากนี้ยังมี Alipay ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคน และครองส่วนแบ่งตลาดชำระเงินดิจิทัลในจีนกว่า 55%

3. Baidu บริษัท Google ของจีนและผู้นำ AI + Autonomous Driving

Baidu ครองตลาดเสิร์ชเอนจิ้นในจีน 70% ด้วยผู้ใช้งาน 600 ล้านคนต่อเดือน และกำลังปรับตัวเป็นผู้นำด้าน AI อย่างจริงจัง

โมเดล AI ERNIE Bot มีผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคน และแข่งขันโดยตรงกับ ChatGPT ในตลาดจีน ด้าน Autonomous Driving บริษัทมี Apollo Go แพลตฟอร์มรถยนต์ไร้คนขับที่ให้บริการแล้วกว่า 6 ล้านเที่ยว ใน 11 เมืองในจีน พร้อมเป้าหมายขยายเป็น 100 เมืองภายในปี 2030 Baidu ลงทุนด้าน AI และ Autonomous Driving มากกว่า 20% ของรายได้ทำให้เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเทคโนโลยีอนาคต

4. BYD ราชาแห่ง EV ที่แซง Tesla ในจีน

BYD กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า Tesla บริษัทครอง ส่วนแบ่งตลาด EV ในจีน 32% และส่งออกไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก จุดแข็งคือการผลิตแบตเตอรี่เอง (Blade Battery) ที่ปลอดภัยกว่าและถูกกว่าคู่แข่ง

BYD ไม่ได้มีเพียงรถยนต์ แต่ยังผลิตระบบขนส่งสาธารณะไฟฟ้า รถบัส รถรางไฟฟ้า และกำลังขยายสู่ตลาดยุโรปและอเมริกาใต้อย่างก้าวกระโดด ทำให้เป็นบริษัทที่น่าจับตามองที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์

5. JD คู่แข่ง Alibaba ที่แกร่งด้วยโลจิสติกส์

JD เป็นแพลตฟอร์ม E-commerce อันดับ 2 ของจีน ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 17% และมีผู้ใช้งาน 580 ล้านคน จุดเด่นคือระบบโลจิสติกส์ที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง

JD Logistics บริหารคลังสินค้า 1,600 แห่ง ด้วยพนักงานส่งของตัวเอง 400,000 คน ทำให้สามารถส่งของได้ภายใน 24 ชั่วโมงในเมืองใหญ่ และหุ่นยนต์ส่งของและโดรนในพื้นที่ห่างไกล

บริษัทกำลังขยายธุรกิจด้าน B2B, สุขภาพ และเทคโนโลยี supply chain ด้วย AI และระบบอัตโนมัติ ทำให้เป็นคู่แข่งสำคัญของ Alibaba

6. NetEase จักรวรรดิเกมและดนตรีออนไลน์

NetEase เป็นบริษัทเกมอันดับ 2 ของจีนรองจาก Tencent ด้วยรายได้จากเกมกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และครอง ส่วนแบ่งตลาดเกมมือถือในจีน 15% ด้วยเกมดังอย่าง Onmyoji, Identity V และ Knives Out

นอกจากนี้ NetEase Cloud Music เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงอันดับ 2 ของจีน มีผู้ใช้งาน 200 ล้านคน และครอง ส่วนแบ่งตลาด 15% รองจาก Tencent Music จุดเด่นคือระบบแนะนำเพลงด้วย AI และชุมชนที่แข็งแกร่ง

บริษัทยังลงทุนใน e-commerce การศึกษาออนไลน์ และ AI ทำให้เป็นผู้เล่นหลากหลายสายธุรกิจที่มั่นคง

7. Midea ยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ครองโลก

Midea Group เป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบ HVAC (การทำความร้อน การระบายอากาศ และการปรับอากาศ) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโลก 9%

บริษัทผลิตสินค้ากว่า 200 ล้านชิ้นต่อปี ส่งออกไปกว่า 200 ประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ไปจนถึงระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม (KUKA Robotics)

Midea ลงทุนด้าน สมาร์ตโฮมและ IoT อย่างหนัก มีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกว่า 400 ล้านชิ้น และเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI-powered appliances ทำให้เป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ

8. Meituan เจ้าของ Super App แห่งชีวิตประจำวันของคนจีน

Meituan คือ Super App ที่ใหญ่ที่สุดในจีนด้านบริการในชีวิตประจำวัน ด้วยผู้ใช้งาน 680 ล้านคน และครองส่วนแบ่ง 67% ของตลาดฟู้ดดิลิเวอรีในจีน

บริษัทไม่ได้มีเพียงฟู้ดดิลิเวอรี แต่ยังครอบคลุมการจองโรงแรม ตั๋วหนัง บริการนวด ร้านอาหาร และ Bike-sharing และขยายธุรกิจสู่ Community Group Buying และ Autonomous Delivery ด้วยหุ่นยนต์ส่งอาหารกว่า 100,000 ตัว

Meituan เป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบ O2O (Online-to-Offline) ที่ขับเคลื่อนชีวิตประจำวันของคนจีน

9. Xiaomi จากผู้ที่ทำทุกอย่างตั้งแต่ไม่จิ้มฟัน ยันรถ EV

จากแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ครอง ส่วนแบ่งตลาดโลกอันดับ 3 ที่ 14% Xiaomi ได้ก้าวสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างสวยงาม ด้วยยอดจองรถรุ่น SU7 ที่ ทะลุ 100,000 คันภายใน 24 ชั่วโมงแรก

บริษัทมีระบบนิเวศ IoT ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์มากกว่า 655 ล้านเครื่องทั่วโลก และกำลังเติบโตในตลาด EV จีนที่ทำให้ Xiaomi กลายเป็นผู้เล่นสำคัญระดับโลก

10. SMIC เจ้าตลาดชิปจีนที่เติบโตระเบิด ที่รัฐสนับสนุนอย่างเต็มที่

SMIC (Semiconductor Manufacturing International Corporation) คือผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยส่วนแบ่งตลาดในจีน 20% และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีท่ามกลางข้อจำกัดจากสหรัฐฯ

รัฐบาลจีนสนับสนุนด้วยการลงทุนมหาศาล เพื่อให้ประเทศมีความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี ทำให้ SMIC จึงเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันเทคโนโลยีระหว่างมหาอำนาจ

ทั้ง 10 บริษัทนี้ไม่ได้เป็นเพียงยักษ์ใหญ่ในจีน แต่กำลังสร้างอิทธิพลที่เปลี่ยนแปลงตลาดโลกอย่างแท้จริง จากโซเชียลมีเดีย E-commerce คลาวด์ AI เกม รถยนต์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ฟู้ดดิลิเวอรี ไปจนถึงเซมิคอนดักเตอร์ ที่จะกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีโลกในทศวรรษหน้า

ถ้าไม่อยากตกขบวนไปกับ จีน ประเทศมหาอำนาจใหม่ของโลก ไม่พลาดโอกาสการลงทุนครั้งเดียวในศตวรรษนี้ ที่เศรษฐกิจจีนกำลังจะเทียบชั้นสหรัฐอเมริกา ด้วยธีมการลงทุน MEGA10CHINATECH จาก บลจ.ทาลิส ที่กำลังเสนอขายในวันที่ 8 - 15 ตุลาคม นี้

กองทุน MEGA10CHINATECH-A เข้าไปลงทุนในบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และ/หรือ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจในธีมเทคโนโลยี (Technology Themes) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange; HKEX) ที่เป็นส่วนประกอบใน Hang Seng Tech Index (HSTECH) และคัดเลือกจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุดจากการเรียงลำดับ และสภาพคล่องสูง

บริษัทที่คาดว่ากองทุน MEGA10CHINATECH-A จะเข้าไปลงทุน ได้แก่ Tencent, Alibaba, Baidu, BYD, JD, NetEase, Midea, Meituan, Xiaomi, SMIC

*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้น

กองทุนจะเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนผ่านการเพิ่มมูลค่าของหน่วยลงทุนเป็นหลัก (Total Return) และยังมีกองทุนประเภท RMF ที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนหลักเพียงกองเดียว ที่บริหารจัดการโดยบลจ.ทาลิส ซึ่งกองทุนจะลงทุนในกองทุนหลักโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน

กองทุน MEGA10CHINATECHRMF จะลงทุนในกองทุน MEGA10CHINATECH-A (กองทุนหลัก)

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 และผู้สนับสนุนการขายหลายราย

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีของกรมสรรพากร

ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับภายในกำหนดเวลา นอกจากนี้จะต้องชำระเงินเพิ่ม และ/หรือเบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร

55 - 0

ลงทุนแมน
Posted 3 days ago

ครั้งเดียวในศตวรรษ: จีนขึ้นเป็นมหาอำนาจโลก /โดย ลงทุนแมน
- ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา โลกได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของจีน จากประเทศกำลังพัฒนาสู่มหาอำนาจระดับโลก นี่ไม่ใช่แค่การเติบโตทางเศรษฐกิจธรรมดา แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในศตวรรษ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกในทุกมิติ

เรื่องนี้ทำไมเราทุกคนต้องรู้ไว้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

1. จาก "โรงงานโลก" สู่ "ศูนย์กลางนวัตกรรม"

การก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีของจีนไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นโรงงานของโลกอีกต่อไป ประเทศนี้กำลังเปลี่ยนตัวเองเป็น ศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก ด้วยการลงทุนอย่างมหาศาลในด้านวิจัยและพัฒนา

การแข่งขันในเทคโนโลยีล้ำสมัย
- Artificial Intelligence (AI) จีนเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI ทั้งในด้านการวิจัยและการประยุกต์ใช้จริง

- Semiconductor แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดจากต่างประเทศ แต่จีนกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของตนเองอย่างจริงจัง โดยมีบริษัท SMIC (Semiconductor Manufacturing International Corporation) เป็นผู้นำ

- 5G และเทคโนโลยีการสื่อสาร จีนเป็นผู้นำในการพัฒนาและนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้งานจริงได้แบบแพร่หลายและครอบคลุมประชากรมากที่สุดในโลก

บริษัทเทคโนโลยีจีนกำลังเริ่มก้าวจากการครอบงำตลาดจีนสู่การท้าชิงในตลาดโลก

- Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้าน E-commerce และ Cloud Computing และกำลังทุ่มทุนวิจัยด้าน AI จนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในด้านนี้ โมเดล AI ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีคือ Qwen

- Tencent ผู้นำด้านโซเชียลมีเดีย, เกม, และ FinTech ชั้นนำของจีน บริษัทนี้ยังได้ลงทุนในบริษัทอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมระบบนิเวศของตัวเองให้แข็งแกร่ง

- Xiaomi ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ IoT ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และล่าสุดได้ขึ้นเป็นผู้เล่นรายสำคัญของตลาดรถยนต์ EV ในประเทศจีน และในอนาคตหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญของตลาดรถยนต์ EV โลก

- SMIC ผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของจีน ที่มีภาครัฐสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้ประเทศจีนสามารถก้าวได้ทันประเทศสหรัฐอเมริกา

การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นว่าจีนไม่ได้แค่ผลิตสินค้าตามแบบที่คนอื่นออกแบบในอดีต แต่กำลังสร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก

2. ผู้นำธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต

จีนกำลังครอบงำอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของโลก จีนไม่ได้แค่มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด แต่กำลังเป็นผู้กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมนี้

พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) จีนเป็นผู้ผลิตและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ที่สุดในโลก ครอบงำมากกว่า 70% ของการผลิตโซลาร์เซลล์ทั่วโลก

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ บริษัท BYD กำลังเป็นผู้ผลิตรถ EV ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า Tesla ในบางช่วงเวลา ถึงขนาดมีเรือขนาดยักษ์ที่คอยบรรทุกรถยนต์ของตัวเองจากโรงงานประเทศผู้ผลิตแล่นไปหาตลาดที่ส่งออก

บริษัท CATL (Contemporary Amperex Technology) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV รายใหญ่ที่สุดในโลก ครอบงำส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 30%

นอกจากนั้นจีนกำลังต่อยอดสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ความเชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่และระบบอัตโนมัติทำให้จีนก้าวสู่

- หุ่นยนต์ Humanoid การพัฒนาหุ่นยนต์รูปคนที่สามารถใช้งานได้จริงในโรงงานและชีวิตประจำวัน
- ระบบขนส่งอัจฉริยะ รถไร้คนขับและระบบขนส่งสาธารณะที่ทันสมัย

จีนไม่ได้แค่ผลิตสินค้าเหล่านี้ แต่ครอบงำทั้งห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป รวมไปถึงตลาดที่มีประชากรมหาศาลที่พร้อมทดลองใช้งานผลิตภัณฑ์เหล่านั้นทันที

3. Soft Power จีนกำลังครอบงำทั่วโลก

การแพร่กระจายของวัฒนธรรมจีน ในขณะที่หลายคนมองว่าอำนาจมาจากการทหารและเศรษฐกิจ แต่จีนกำลังพิสูจน์ว่า Soft Power เป็นอาวุธที่ทรงพลังไม่แพ้กัน

บันเทิงและวัฒนธรรม

- ภาพยนตร์ อุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนเติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก

- ดนตรี C-Pop กำลังแพร่หลายไปทั่วเอเชียและทั่วโลก

แพลตฟอร์มดิจิทัล

- TikTok (Douyin) แอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก กำลังเปลี่ยนวิธีที่คนบริโภคเนื้อหา และกำลังรุกเข้าสู่อีคอมเมิร์ซแบบที่นำหน้าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียตะวันตกอย่างเห็นได้ชัด

แบรนด์ไลฟ์สไตล์

- Pop Mart แบรนด์ของเล่นสะสมที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก รวมไปถึงประเทศทางตะวันตกก็นิยมในสินค้าของ Pop Mart

- เชนร้านชานม แบรนด์ชานมจีน หรือแม้แต่ไอศกรีม soft serve เช่น Mixue เชนที่ขยายไปทั่วโลกด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง มีสาขามากกว่า 20,000 แห่ง

- เชนร้านอาหารจีนสมัยใหม่กำลังเปิดสาขาในเมืองใหญ่ทั่วโลก อย่างเราคนไทยสัมผัสได้ว่าแบรนด์จีนเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อผู้บริโภคชาวไทย และเรื่องแบบนี้กำลังแพร่ขยายไปทั่วโลก

ภาษา การศึกษา และการท่องเที่ยว
การเรียนภาษาจีนกลายเป็นทักษะที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงการท่องเที่ยวในประเทศจีนที่มีจุดเด่นเรื่องการผสมผสานระหว่างสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ วัฒนธรรมดั้งเดิม และความสวยงามของธรรมชาติ

บริษัทที่พัฒนาโรงแรมจีนชื่อดังอย่าง H World ก็เติบโตไปกับการเติบโตด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศจีน

Trip แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน กำลังขยายไปทั่วโลกแบบที่ทุกคนกำลังจับตามอง

สรุปแล้ว Soft Power ของจีนกำลังทำให้วัฒนธรรมจีนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก โดยที่คนทั่วโลกไม่รู้ตัว

4. พลังชนชั้นกลางจีนสู่ความได้เปรียบของแพลตฟอร์มผู้บริโภค

ตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก จีนมีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน และที่สำคัญคือ ชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

- ชนชั้นกลางจีนคาดว่าจะมีมากกว่า 550 ล้านคนภายในปี 2030
- กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
- ความต้องการสินค้าและบริการคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้น

การขยายตัวสู่เมืองรอง ไม่ใช่แค่เมืองใหญ่อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ แต่เมืองรองและเมืองเล็กๆ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วสร้างตลาดใหม่ที่มีศักยภาพมหาศาล เราจะได้เห็นว่ามีเมืองใหม่ของจีนเกิดขึ้นอย่างมากมาย และเมืองเหล่านั้นมีประชากรที่มากกว่าเมืองหลวงของหลายประเทศชั้นนำเสียอีก

แพลตฟอร์มผู้บริโภคชั้นนำที่เกิดจากบริษัทที่จับผู้บริโภคจีนได้ กำลังเติบโตอย่างน่าทึ่ง

- Anta แบรนด์กีฬาที่กำลังแข่งขันกับ Nike และ Adidas

- Meituan แพลตฟอร์ม Super App ที่ให้บริการตั้งแต่สั่งอาหาร จองโรงแรม ไปจนถึงบริการต่างๆ

- Alibaba ไม่เพียงแค่ E-commerce แต่ยังเป็นระบบนิเวศที่ครอบคลุมทุกด้านของชีวิตผู้บริโภค

ใครจับผู้บริโภคจีนได้ = ได้เงินมหาศาล
บริษัทที่ประสบความสำเร็จในจีนมีข้อได้เปรียบมหาศาล:

เพราะมี ขนาดตลาดที่ใหญ่มาก ทำให้สามารถลงทุนใน R&D และขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
เพราะมี ข้อมูลผู้บริโภคมหาศาล ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจ
เพราะมี ความสามารถในการขยายตัว เมื่อประสบความสำเร็จในจีน การขยายไปยังตลาดอื่นๆ ทำได้ง่ายกว่า

สรุปการขึ้นเป็นมหาอำนาจของจีนในศตรวรรษนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ลงทุนแมนคิดว่าเป็นผลมาจาก 4 เรื่องนี้

1. การลงทุนอย่างมหาศาลในนวัตกรรมและเทคโนโลยี
2. การครอบงำอุตสาหกรรมพลังงานแห่งอนาคต
3. การแพร่กระจายของซอฟต์เพาเวอร์และวัฒนธรรม
4. ตลาดผู้บริโภคภายในที่ใหญ่ที่สุดในโลก

นี่คือ “ครั้งเดียวในศตวรรษ” ที่เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจโลกอย่างชัดเจน จีนไม่ได้แค่เติบโต แต่กำลังเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของเกมโลก ในทุกมิติ ตั้งแต่เทคโนโลยี พลังงาน วัฒนธรรม ไปจนถึงการบริโภค

คำถามไม่ใช่ว่าจีนจะเป็นมหาอำนาจหรือไม่ แต่คือ โลกจะปรับตัวอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้..

ถ้าไม่อยากตกขบวนไปกับ จีน ประเทศมหาอำนาจใหม่ของโลก ไม่พลาดโอกาสการลงทุนครั้งเดียวในศตวรรษนี้ ที่เศรษฐกิจจีนกำลังจะเทียบชั้นสหรัฐอเมริกา ด้วย 2 ธีมการลงทุน MEGA10CHINATECH และ MEGA10CHINAPOP จาก บลจ.ทาลิส ที่กำลังเสนอขายในวันที่ 8 - 15 ตุลาคม นี้

1.กองทุน MEGA10CHINATECH-A เข้าไปลงทุนในบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และ/หรือ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจในธีมเทคโนโลยี (Technology Themes) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange; HKEX) ที่เป็นส่วนประกอบใน Hang Seng Tech Index (HSTECH) และคัดเลือกจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุดจากการเรียงลำดับ และสภาพคล่องสูง

*บริษัทที่คาดว่ากองทุน MEGA10CHINATECH-A จะเข้าไปลงทุน เช่น Tencent, Alibaba, BYD, SMIC, Baidu

2.กองทุน MEGA10CHINAPOP-A เข้าไปลงทุนในบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุนของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้า และ/หรือ ให้บริการ อันเกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทผู้ประกอบการ และ/หรือ เจ้าของตราสินค้า (Brand) และบริการที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเป็นอย่างดีทั้งในประเทศจีนรวมถึงในระดับสากล ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange หรือ HKEX)

โดยจะเลือกลงทุนในตราสารทุนของบริษัทข้างต้นที่ถูกจัดกลุ่มอยู่ในหมวดอุตสาหกรรมสินค้าจำเป็น (Consumer Staples) และสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) และคัดเลือกจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุดจากการเรียงลำดับ และสภาพคล่องสูง

*บริษัทที่คาดว่ากองทุน MEGA10CHINAPOP-A จะเข้าไปลงทุน เช่น Pop Mart, Meituan, Nongfu, Trip, Anta, Foshan Haitian, H world, Mixue, Laopu Gold

*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้น

ทั้ง 2 กองทุนจะเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนผ่านการเพิ่มมูลค่าของหน่วยลงทุนเป็นหลัก (Total Return) และยังมีกองทุนประเภท RMF ที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ

ซึ่งเป็นกองทุนที่ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนหลักเพียงกองเดียว ที่บริหารจัดการโดยบลจ.ทาลิส ซึ่งกองทุนจะลงทุนในกองทุนหลักโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน

-กองทุน MEGA10CHINATECHRMF จะลงทุนในกองทุน MEGA10CHINATECH-A (กองทุนหลัก)
-กองทุน MEGA10CHINAPOPRMF จะลงทุนในกองทุน MEGA10CHINAPOP-A (กองทุนหลัก)

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 และผู้สนับสนุนการขายหลายราย

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีของกรมสรรพากร

ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับภายในกำหนดเวลา นอกจากนี้จะต้องชำระเงินเพิ่ม และ/หรือเบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร

113 - 0

ลงทุนแมน
Posted 3 days ago

สรุป 4 นิสัยที่เหมือนกัน ของคนที่มีความมั่งคั่ง 1,000 ล้าน
- เมื่อวานงาน ลงทุนแมน SUMMIT 2025 ลงทุนแมนได้พบและพูดคุยกับ นักธุรกิจ นักลงทุนที่มาขึ้นเวทีในงานทุกคน ลงทุนแมนได้เชื่อมโยงว่า คนที่มีความมั่งคั่ง 1,000 ล้านในงาน มีนิสัยบางอย่างที่คล้ายกัน ที่ลงทุนแมนสามารถเชื่อมโยงได้

อะไรคือนิสัยของคนที่มีความมั่งคั่ง 1,000 ล้าน ?

1) คนที่มีความมั่งคั่ง 1,000 ล้าน มีแนวคิดที่มี Passion และ Grit คือความหลงใหล และความมุมานะในสิ่งที่ตัวเองทำ
คุณต๊อบเถ้าแก่น้อย กล่าวว่า คนที่ไม่ได้รักในสิ่งที่ตัวเองทำ พอเจออุปสรรคเล็กน้อยจะท้อ และจะหมดไฟง่ายมาก คนที่มี Passion จะ อดทนในการก้าวข้ามอุปสรรค

คุณยอดผู้ก่อตั้งวงใน เขาบอกว่าไลน์แมนวงใน มาจนถึงทุกวันนี้ได้เพราะ ความไม่ยอมแพ้และสู้ไม่ยอมถอย ถึงมีอุปสรรคมากมายก็ยังหาทางและสู้จนมาถึงทุกวันนี้ได้

คุณเฟิร์นสุกี้ตี๋น้อย บอกว่าเขาหลงในธุรกิจ การรู้ในรายละเอียดของธุรกิจของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ และต้องรับให้ได้กับการเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องธรรมดาของโลกธุรกิจที่ต้องมีคู่แข่ง เราก็ต้องอยากเอาชนะลูกค้าให้ได้ในเรื่องความคุ้มค่า

2) คนที่มีความมั่งคั่ง 1,000 ล้าน ทำสิ่งที่ถูกที่ถูกเวลา คือมี TAM และ Tailwind

ดร.นิเวศน์ เริ่มลงทุนด้วยเงิน 10 ล้านบาท ในตลาดหุ้นไทย หลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ในเวลานั้นมีหุ้นราคาถูกเต็มไปหมด เขาทุ่มสุดตัวเพราะคิดว่าด้วยราคาที่ถูกนี้สามารถให้เงินปันผลปีละ 1 ล้านบาท ที่ส่งลูกสาวของเขาเรียนโรงเรียนอินเตอร์ได้ และหลังจากนั้นพอวิกฤติฟื้น พอร์ตหุ้นของเขาก็เติบโตขึ้นเรื่อยมาจนวันนี้อยู่ในระดับหมื่นล้านบาท

ท๊อป บิทคับ บอกว่าเขาเริ่มธุรกิจกระดานซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีในไทยได้ถูกจังหวะ มีลมส่ง (Tailwind) ที่ดี สิ่งนี้สำคัญกว่าเรื่องความเก่งของผู้บริหาร

ส่วนคุณยอดก็แชร์เรื่องการอยู่ถูกที่ เวลาทำธุรกิจให้เลือกตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สินค้าหรือบริการของเราจะเข้าไปอยู่ได้ เหมือนตกปลาในบ่อ บ่อใหญ่ย่อมจะดีกว่า

3) คนที่มีความมั่งคั่ง 1,000 ล้าน เลือกอยู่ในที่ที่ตัวเองได้เปรียบ

คุณคมสันต์ ลี บอกว่า ประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านเครื่องดื่มและอาหาร ไม่ใช่เทคโนโลยี ทำให้ถ้าเขาจะเลือกทำจะเลือกในสิ่งที่เขาได้เปรียบ เขายกตัวอย่าง เช่น ชาไทยที่ปลูกทางภาคเหนือ สามารถนำมาทำแบรนด์และขายได้ราคาดีกว่านี้มาก

คุณต๊อบเถ้าแก่น้อยกล่าวว่า เวลาทำธุรกิจร่วมกับใคร ควรดูอำนาจการ Control หรือควบคุมบริษัทได้ ถ้าคุมไม่ได้ เราเราเองจะมีปัญหาในตอนท้าย

คุณท๊อปบิทคับบอกว่า ถึงแม้ตัวเขาเองจะดูเป็นดิจิทัล แต่เขารู้ตัวแล้วว่า ประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันเทคโนโลยีกับคนอื่นได้ ต้องรู้ตัวเอง แต่สิ่งที่ประเทศไทยแข่งได้คือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

4) คนที่มีความมั่งคั่ง 1,000 ล้าน มองไปอนาคต ไม่ได้มองในอดีต

คุณดิวที่ถือพอร์ตหุ้นปันผลประมาณ 1,000 ล้าน เขาบอกว่าหุ้นทุกตัวไม่ได้จ่ายปันผลที่ดีแบบในอดีต แต่ต้องดูอนาคตด้วยว่ากิจการนั้นจะจ่ายปันผลเหมือนในอดีตได้หรือไม่

คุณท๊อป มองไปในอนาคตว่า ประเทศไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ใน 50 ปีข้างหน้า ไทยจะมีประชากรเหลือเพียงแค่ 30 ล้านคน ทำให้เขาคิดว่าธุรกิจที่ดีในอนาคตคือธุรกิจ Longivity ที่ช่วยยืดให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้น

สรุปแล้ว การที่จะเป็นผู้มีความมั่งคั่ง 1,000 ล้านได้ มันไม่ใช่การรอโชคชะตา
แต่ลงทุนแมนคิดว่าเป็นการ..
1.หาความหลงใหลในธุรกิจ และมุมานะทำให้สำเร็จ
2.รู้จักหาตลาดที่ใหญ่พอและถูกจังหวะในการเข้าไป
3.รู้จักการเลือกตำแหน่งที่ตัวเองได้เปรียบ
4.และมองทำนายอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ดูแต่ในอดีต

ปิดท้ายด้วยคำพูดของ คุณคมสันต์ว่า การเป็นผู้ประกอบการที่ดีนั้น คุณต้องทำใจ เตรียมใจ เพราะอุปสรรคระหว่างทางมันเยอะจริง ๆ มันจะเยอะเกินกว่าคุณจะแก้ไขมันทัน ให้ทำใจ และคุณต๊อบเสริมว่า ประตูของเส้นทางนี้มีแต่ขวากหนาม ทุกครั้งที่มีปัญหาคุณต้องเป็นคนแบกรับ ทุกครั้งที่เกิดอะไรขึ้นคุณต้องเป็นคนเสียสละ ทุกครั้งที่มันล้มเหลว คุณต้องโทษตัวเองก่อนคนแรก หลายๆอย่างคุณต้องแบกเอาไว้ ให้ทำใจเตรียมพร้อมว่า มันไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย..

ใครพลาดบัตรวันงาน ลงทุนแมน SUMIT 2025 สามารถจองบัตร RERUN ONLINE เพื่อรับชมย้อนหลังได้ที่ลิงก์นี้ www.zipeventapp.com/e/longtunmansummit2025 (จำนวนจำกัด)

บัตร Rerun Online ราคา 990 บาท
สามารถได้ทุก Main Stage Sessions และทุก Workshop Sessions
เป็นระยะเวลา 2 เดือนหลังจบงาน ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม - 9 ธันวาคม 2568
งานนี้เหมาะกับใคร ?
✅ ผู้ที่ต้องการสร้างหรือต่อยอดความมั่งคั่งให้ตัวเอง
✅ ผู้ที่ต้องการหาแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของตัวเอง
✅ ผู้ที่สนใจเรื่องธุรกิจ การตลาด
✅ ผู้ที่สนใจและอยากหาไอเดียการลงทุน
จองบัตร RERUN เพื่อรับชมย้อนหลังได้ที่ลิงก์นี้ www.zipeventapp.com/e/longtunmansummit2025 (จำนวนจำกัด)

99 - 0

ลงทุนแมน
Posted 4 days ago

“การลงทุนหุ้นต่างประเทศ คือประตูสู่การเข้าถึงหุ้นที่สามารถเติบโตได้ 100 เด้ง จากทั่วทุกมุมโลก”
-มุมมองน่าสนใจ จากหัวข้อ ลงทุนหุ้นนอก เพื่อความมั่งคั่งไร้ขีดจำกัด ในงาน ลงทุนแมน SUMMIT 2025

โดยคุณสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในเครือ SCBX และคุณกิตติศักดิ์ โควินท์ทวีวัฒน์ นักลงทุนเน้นคุณค่า เจ้าของเพจ BillionaireVI

-ถ้าหากเราคาดหวังผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ณ ตอนนี้ เราต้องลงทุนต่างประเทศแล้ว เพราะการลงทุนต่างประเทศ จะช่วยให้เราเข้าถึงการเติบโตที่มากกว่า มีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น และลดโอกาสที่จะโดน Disrupt

นี่คือสิ่งที่คุณสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ InnovestX บริษัทในเครือ SCBX ตอบคำถามที่ว่า ทำไมต้องลงทุนหุ้นต่างประเทศ

ซึ่ง Framework ที่คุณกิตติศักดิ์ โควินท์ทวีวัฒน์ นักลงทุนเน้นคุณค่า และเจ้าของเพจ BillionaireVI ใช้ลงทุนในต่างประเทศมากว่า 10 ปีแล้ว ก็คือ “3 ข”

โดย 3 ข ที่ว่านี้คือ
-ขยัน
-ขวนขวาย
-ข้ามอุปสรรคที่เราเจอ เมื่อไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ

เพราะตลาดหุ้นอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา มีหุ้นที่ได้ผลตอบแทนถึง 100 เท่า กว่า 300 ตัว ซึ่งแสดงให้เราเห็นว่า การลงทุนในต่างประเทศก็ถือว่ามีโอกาสในการเติบโตที่มากกว่า

โดยหุ้นที่คุณกิตติศักดิ์ เลือกเป็นหนึ่งในหุ้นที่อยู่ใน Core Portfolio ก็คือ NVIDIA ที่มองว่า แม้จะเป็นหุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงมากแล้ว แต่แรงส่งจากเทรนด์ AI ที่ผู้คนมีแต่จะใช้มากขึ้น

ประกอบกับความได้เปรียบในการแข่งขันที่บริษัทมี ซึ่งทำให้สามารถปล่อยชิปได้อย่างรวดเร็วทุกปี จนคู่แข่งแทบจะตามไม่ทัน ก็น่าจะทำให้ NVIDIA เติบโตไปได้อีก

อีกทั้งไม่น่าจะซ้ำรอยกับหุ้น CISCO ในอดีตที่เคยเป็นหุ้นมาแรงสมัยยุคฟองสบู่ดอตคอม แต่ราคาร่วงหนักเมื่อจบรอบ

เพราะ NVIDIA ไม่ได้มีแต่การทำ Hardware อย่างชิปต่าง ๆ ที่โดน Disrupt ได้ง่าย แต่มี Software อย่าง CUDA เป็นเหมือนภาษาโปรแกรม ที่ใช้กับชิป NVIDIA โดยเฉพาะ ที่โดน Disrupt ได้ยากกว่า

ส่วนคุณสิทธิชัย เลือกหุ้น Tesla เป็นหุ้นที่อยู่ใน Core Portfolio โดยมองว่า Tesla มีหลายธุรกิจที่สามารถเติบโตได้ในระยะยาว

เช่น ธุรกิจ Robotaxi หรือธุรกิจ Humanoids ที่จะได้ประโยชน์จากกฎหมายที่อนุญาตให้ขยายพื้นที่ให้บริการ Robotaxi ได้ และการนำหุ่นยนต์มาใช้ในโรงงาน

อย่างไรก็ตามคุณสิทธิชัย มองว่าความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของ Tesla ก็คือ Elon Musk ต้องนั่งอยู่ในตำแหน่ง CEO ต่อไป เพื่อคอยดูแลจนกว่าธุรกิจใหม่ ๆ เหล่านี้จะเติบโตตามเป้าหมาย ไปอย่างตลอดรอดฝั่ง

หุ้นนอกที่เติบโตได้ดี ไม่ได้มีเพียงแค่ 2 ตัวนี้เท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่ามีหุ้นตัวไหน ที่น่าสนใจอีกบ้าง จากการวิเคราะห์ของแขกรับเชิญในงาน ลงทุนแมน SUMMIT ใครพลาดงานนี้ สามารถซื้อบัตร RERUN รับชมย้อนหลังออนไลน์ (มีจำนวนจำกัด) คุ้มค่าที่จะเรียนรู้ ประสบการณ์ตรง จาก Speakers ชั้นนำ 30 ท่าน 20 Sessions รีบซื้อก่อนหมดได้ที่ www.zipeventapp.com/e/longtunmansummit2025

#ลงทุนแมน
#ลงทุนแมนSUMMIT2025

58 - 0

ลงทุนแมน
Posted 4 days ago

“TAILWIND และ TAM ตัวชี้วัด ธุรกิจขาขึ้น-ขาลง จากคุณท็อป และคุณยอด”
-คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด, คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai จากงาน ลงทุนแมน SUMMIT : The Unicorn's Secret เคล็ดลับธุรกิจ จากธุรกิจระดับ ยูนิคอร์น

คุณท็อปบอกว่าธุรกิจจะสำเร็จและเติบโต จนมีมูลค่าระดับไซส์ยูนิคอร์นได้
จำเป็นต้องมี “TAILWIND” หรือแรงส่ง และเรื่องนี้สำคัญกว่าความเก่งของผู้บริหาร ผู้ประกอบการคนใดคนหนึ่ง..

TAILWIND หรือในบริบทเชิงธุรกิจ คือแรงส่ง ยกตัวอย่างเช่น AI และ Automation ที่เข้ามาช่วย Productivity ของเรา
รวมไปถึงบิตคอยน์ ที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาถูกตั้งคำถามเยอะ มีแรงต้านเท่า ๆ แรงส่ง แต่พอโลกให้การยอมรับกันมากขึ้น แรงส่งมากขึ้นก็เป็นอย่างที่เราเห็นกัน

ในขณะที่คุณยอด แชร์อีก T ก็คือ TAM ย่อมาจาก Total Addressable Market หรือมูลค่าตลาดทั้งหมดที่สินค้าหรือบริการของเราจะเข้าไปอยู่ เหมือนถ้าเราจะต้องไปตกปลาในบ่อ บ่อใหญ่กว่าย่อมดีกว่า ขนาดตลาดธุรกิจก็เหมือนกัน

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น
ตลาดอาหาร มูลค่า 9 แสนล้านบาท
Food Delivery คิดเป็นราว 20% ยังคงเติบโตทุกปีเพราะคนสั่งอาหารกันมากขึ้น

และมองว่าอาหารจะไม่ได้หายไปไหน และ Food Delivery ก็มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งทั้ง TAILWIND และ TAM ก็เป็นตัวชี้วัดสำคัญ ว่าจะมีมูลค่าเป็นพัน เป็นหมื่นล้านได้หรือไม่

ทีนี้ เรามาดูเรื่องการสเกลธุรกิจ
ก่อนที่ทั้งคู่จะเป็นยูนิคอร์น อะไรคือจุดเปลี่ยนสำคัญ ?

สำหรับการสเกลของ Wongnai
-เกิดขึ้นในช่วงปี 2016 ที่ได้ไปร่วมมือกับ LINE MAN จากการรีวิวร้านอาหารอย่างเดียว เปลี่ยนไปเป็นขายดีล และ Food Delivery

-ความน่าสนใจของความร่วมมือนี้คือ คุณยอดไม่ได้คิดเงินอะไรเลย แต่กลับขอเป็นส่วนแบ่งรายได้ 50:50 หลังจากนั้น Food Delivery เริ่มเติบโตแซงธุรกิจเดิม
แต่คุณยอดก็ได้ทิ้งท้ายไว้ว่าแต่ตอนนี้ธุรกิจก็เจอการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจาก AI

ตอนนี้ บริษัทขอกลับมาเป็นสตาร์ตอัปใหม่อีกครั้ง สื่อกลาย ๆ ว่าความท้าทาย และการเติบโตในอนาคตจะมากขึ้น

ในขณะที่การสเกลของ Bitkub
-ช่วงแรกทำเว็บไซต์ ชื่อว่า Coin เพื่อดิสรัป Western Union แต่ก็บอกว่าไม่ได้ดิสรัปเท่าไร

-เลยตัดสินใจเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ มาทำกระดานซื้อขายคริปโท ในปี 2018

หลังจากนั้นก็เติบโตต่อเนื่อง ปีละเป็น 1,000% ในช่วง 3 ปี..
นอกจากนี้ คุณยอดก็ได้เสริมว่า AI คือของจริง และการนำ AI มาเสริมธุรกิจ น่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นอีก

ในมุมเจ้าของธุรกิจ ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการ เราต้องตั้งคำถามว่าเราติดอาวุธ AI ให้ธุรกิจเราหรือยัง ?

เช่น การลงทุนสมัคร Generative AI ต่าง ๆ ให้พนักงานเพื่อเสริม Productivity

ข้อคิดปิดท้าย จากทั้ง 2 ท่าน คุณท็อปบอกว่าจริง ๆ แล้ว
คนไทยเก่งถ้านึกถึงบิตคอยน์ในไทย หน้าคุณท็อปลอยขึ้นมาจริง
แต่คำว่า AI คำว่า BIG DATA ในบ้านเรายังไม่ได้มีใครจับจอง เราอาจเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้

สำหรับคุณยอด ก็ได้เสริมว่าในฐานะผู้ประกอบการ
เราลงแรงและทุ่มเทกับบริษัทเราได้ แต่ก็อย่าลืมหาความสุขในช่วงเวลาที่เรายังอยู่ด้วย เหมือนกัน..

แล้วคุณท็อป และคุณยอด ยังพูดถึงเคล็ดลับการเป็นยูนิคอร์น อะไรอีกบ้าง ? ใครพลาดงานนี้ เราสามารถซื้อบัตร RERUN รับชมย้อนหลังออนไลน์ (มีจำนวนจำกัด) คุ้มค่าที่จะเรียนรู้ ประสบการณ์ตรง จาก Speakers ชั้นนำ 30 ท่าน 20 Sessions รีบซื้อก่อนหมดได้ที่ www.zipeventapp.com/e/longtunmansummit2025

#ลงทุนแมน
#ลงทุนแมนSUMMIT

34 - 0

ลงทุนแมน
Posted 4 days ago

“สุกี้ตี๋น้อย ไม่ใช่สุกี้ราคาถูก แต่เป็นสุกี้ที่ คุ้มค่า ในราคา 200 กว่าบาท”
- คุณเฟิร์น-นัทธมน พิศาลกิจวนิช เจ้าของ สุกี้ตี๋น้อย ในงาน ลงทุนแมน SUMMIT

คุณเฟิร์น บอกว่า ยิ่งลูกค้ามาทานด้วยความคิดที่ว่า จะเอาให้คุ้ม จะถล่มให้เละเลย เอาให้ตี๋น้อยเจ๊งไปเลย แบบนี้ยิ่งชอบ

อย่างในกรณีของ เป็ดย่างตี๋น้อย ถ้ามองในมุมบัญชีก็ขาดทุน แต่สิ่งที่แลกมาคือ สุกี้ตี๋น้อยกลายเป็นกระแส จนครองโซเชียลมีเดียไปพักใหญ่

ซึ่งถ้าตีงบตรงนี้เป็นงบโฆษณาการตลาด ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะอาจจะคุ้มกว่าไปจ่ายเงินซื้อโฆษณาดึงคนเข้าร้านด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ พอลูกค้าติดภาพว่า ตี๋น้อยคือสุกี้ที่คุ้มค่า

เลยเลือกใช้คำว่า Teenoi ในแบรนด์ใหม่อย่าง “Teenoi Gold” แทนที่จะใช้ชื่ออื่น ที่ต้องมานั่งสร้างภาพจำใหม่

และมองว่า บุฟเฟต์สุกี้หรือชาบูในราคา 400 - 500 บาท มีหลายแบรนด์มาก แต่ยังไม่รู้ว่าที่ 1 ในตลาดจริง ๆ คือใคร เลยมองว่ายังมีช่องว่าง ที่ตี๋น้อยเข้ามาทำได้

“ถ้ามองตลาด แล้วยังไม่เห็นเจ้าตลาด แปลว่ายังมีช่องว่างให้เข้าไปเล่น”
และคุณเฟิร์น เจ้าของสุกี้ตี๋น้อย บอกว่า

ไม่ว่าตลาดจะดุเดือด มีคู่แข่งมากขนาดไหน แต่สุดท้ายคนที่บังคับให้ สุกี้ตี๋น้อย ต้องปรับตัว ก็คือ ลูกค้า อยู่ดี..

คุณเฟิร์น เจ้าของสุกี้ตี๋น้อย ยังได้แชร์กลยุทธ์ และอินไซต์แบบสุดยอดผู้ประกอบการ อีกหลายเรื่อง ในงาน ลงทุนแมน SUMMIT 2025

- ใครพลาดงานนี้ สามารถซื้อบัตร RERUN รับชมย้อนหลังออนไลน์ (มีจำนวนจำกัด) คุ้มค่าที่จะเรียนรู้ ประสบการณ์ตรง จาก Speakers ชั้นนำ 30 ท่าน 20 Sessions รีบซื้อก่อนหมดได้ที่ www.zipeventapp.com/e/longtunmansummit2025

#ลงทุนแมน
#ลงทุนแมนSUMMIT2025

96 - 0

ลงทุนแมน
Posted 5 days ago

อยากทำแบรนด์ ให้โดนใจ Gen Z ต้องสร้าง “ประสบการณ์จริง” ที่จับต้องได้
- คุณพัฒนีย์ องค์คุณารักษ์ Vice President, Customer Experience & Marketing Strategy - Plan B Media
- คุณธมลวรรณ โรจนวานิชกิจ Group Creative Director, SUNBEAM
- คุณสรรค์ธนะ ธนศิลป์พิศาล Head of Partnership Marketing, Plan B Eleven
จากงาน ลงทุนแมน SUMMIT 2025

การสร้างแบรนด์ในยุคนี้ มี 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ Culture-driven, Experience-led และ Trust-building

แต่ถ้าอยากสร้างแบรนด์ให้โดนใจ Gen Z ในยุคนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “Experience-led” ที่การสร้างแบรนด์ต้องสร้างประสบการณ์จริง ให้ลูกค้าจับต้องได้

- คุณพัฒนีย์ แชร์ว่า จากผลการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ที่เกี่ยวข้องกับการตลาด (Neuromarketing) พบว่า 95% ของการตัดสินใจซื้อ ลูกค้าไม่ได้ใช้เหตุผล แต่ใช้อารมณ์เป็นหลัก

ซึ่งสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out of Home Media) เป็นหนึ่งในสื่อที่ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้าเกิดความอินไปกับแบรนด์ โดยอาศัยการครีเอทิฟที่สามารถกระตุ้นการตัดสินใจของคนได้

- คุณธมลวรรณ บอกว่า วิธีการสร้างประสบการณ์จริงให้ลูกค้าสัมผัสได้ ต้องเกิดจาก “3 Right” ได้แก่

1. Right Copy คำที่ใช้โฆษณา ต้องตรงจุด อ่านแล้วรู้สึกได้ทันที

ตัวอย่างเช่น โฆษณาของ LYO ที่ใช้คำโฆษณา คือ “ผมนี่ขึ้นเลย” โดยหยิบเอาคาแรกเตอร์ของคุณหนุ่ม กรรชัย มาใช้ในการครีเอทิฟคำ ให้คนเข้าใจในทันที

2. Right Place ป้ายโฆษณาต้องอยู่ให้ถูกที่

ทั้งการติดป้ายโฆษณา ในจุดที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้านั้น หรือติดตั้งในจุดที่มีลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์มองเห็น

3. Right Visual รูปโฆษณา ต้องทำให้คนอยากดู พอดูแล้วต้องรู้สึกดีไปด้วย

โดยใช้ความครีเอทิฟในการออกแบบรูปภาพโฆษณาให้น่าสนใจ และมีความดึงดูด ทำให้คนอยากดู และเมื่อดูแล้วต้องมีความรู้สึกร่วมตามไปด้วย

รวมถึงใช้หลักการ 3D Visual มาเป็นส่วนเสริม ให้คนมีความรู้สึกร่วมไปกับแบรนด์

- คุณสรรค์ธนะ ได้แชร์อีกหนึ่ง การสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้าจับต้องได้จริง เช่น การที่ Plan B เปลี่ยนสนามมวยราชดำเนิน ที่มีอายุมากกว่า 80 ปี ให้น่าสนใจ โดยใส่ความเป็น Immersive เข้าไป

ออกมาเป็น “Immersive Muay Thai Dome Projection Mapping” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีโชว์แสง สี เสียงประกอบ Visual สุดล้ำ ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท

เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับแฟนมวย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

การสร้างแบรนด์ ให้โดนใจลูกค้ายุคนี้ ยังมีอีกหลายกลยุทธ์ ที่ถูกแชร์ในงาน ลงทุนแมน SUMMIT 2025
- ใครพลาดงานนี้ สามารถซื้อบัตร RERUN รับชมย้อนหลังออนไลน์ (มีจำนวนจำกัด) คุ้มค่าที่จะเรียนรู้ ประสบการณ์ตรง จาก Speakers ชั้นนำ 30 ท่าน 20 Sessions รีบซื้อก่อนหมดได้ที่ www.zipeventapp.com/e/longtunmansummit2025

#ลงทุนแมน
#ลงทุนแมนSUMMIT

47 - 0

ลงทุนแมน
Posted 5 days ago

"ความมั่งคั่ง ความรวย ใช้เวลาเสมอ ไม่มีทางได้มาทันที"
คุณวีระพงษ์ ธัม ต้นแบบนักลงทุนเน้นคุณค่า และคุณกวี ชูกิจเกษม ต้นแบบนักลงทุนเน้นคุณค่า จากงาน ลงทุนแมน SUMMIT : Forever Wealth, Investor's Playbook คู่มือนักลงทุน มั่งคั่งตลอดชีวิต

-คุณกวี แชร์ให้ฟังว่าเศรษฐกิจที่เราเจอในตอนนี้คนละขั้วกับตอนต้มยำกุ้งเลย
สมัยนั้น คือธนาคารล้มละลายรายวัน ซองขาวมา ตกงานทันที
สรุปก็คือ ต่าง GEN เจอไม่ต่างกัน แค่อาจจะเจอคนละสถานการณ์
ความมั่งคั่ง ความรวย ใช้เวลาเสมอ ไม่มีทางได้มาทันที

คุณกวียกตัวอย่าง การลงทุน WARRANT ในสมัยก่อน รวย 100 ล้านได้ข้ามคืน
ผู้สำเร็จมักจะนำมาเล่าให้ฟัง แต่ไม่ได้เล่าว่าอีกเพียงปีเดียว มูลค่าหายไปเกือบหมด..

คุณหลินเสริมว่าทุก GEN แม้อายุต่างกัน แต่ทุกวันนี้ ทุกคนหลอมรวมกันอยู่ที่มือถือ
เรากลัวพลาดอะไรบางอย่าง เราดูสตอรีเพื่อนในไอจี รู้หมดว่าใครทำอะไร
พฤติกรรมแบบนี้ ทำให้กลไกสมองเราผิดเพี้ยน และอาจทำให้เราตัดสินใจอะไรผิดพลาด ผิดจังหวะได้

คุณหลินยังแชร์ว่า จริง ๆ แล้ว ชนชั้นกลางในโลกจำนวนมากขึ้น แต่ความมั่งคั่งเฉลี่ยลดลง
เพราะเราอยู่ในโลกทุนนิยม ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ไปกระจุกตัวอยู่กับคนรวย
ดังนั้น เราจำเป็นต้องลงทุน และไปอยู่ข้างเดียวกับผู้ชนะ

ทีนี้ มาดูกันว่ากฏเหล็กการลงทุนของ คุณกวี และคุณหลิน มีอะไรบ้าง ? เริ่มต้นจากคุณกวี
1. ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องเข้าใจตัวเองก่อน
2. ศึกษาหาความรู้ให้เราเก่งเรื่องนั้นจริง ๆ เก่งกว่าคนอื่น
3. มีวินัย และ อดทน

สรุป 3 ข้อของคุณกวีคือ แต่ละคนมีประสบการณ์ มีความเก่งไม่เหมือนกัน
เราจำเป็นต้องหาท่าลงทุนที่เราถนัด ศึกษาจากผู้มีประสบการณ์ และเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
หลังจากนั้น เราต้องมีความสม่ำเสมอ พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งพลังของการลงทุน และดอกเบี้ยทบต้น
จะเป็นกุญแจสำคัญสู่อิสรภาพทางการเงิน ที่จะทำให้เราชนะในระยะยาว..
สำหรับคุณหลิน
1. อยู่กับผู้รู้จริง
2. อยู่กับผู้ชนะ
3. อยู่กับความจริง
สรุป 3 ข้อของคุณหลิน ยุคนี้เรามีกูรูการเงินเต็มไปหมด
เราต้องเลือกอยู่กับผู้รู้จริงที่เชื่อถือได้จริง ๆ
และเราจำเป็นต้องอยู่กับผู้ชนะให้ได้ คุณหลินยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า

หากเราลงทุนหุ้น 10 ตัว ผิด 8 ถูก 2 ให้ผลตอบแทน 20% ต่อปี
- ผ่านไป 30 ปี เราจะได้ผลตอบแทน 13.8% ต่อปี หรือเกือบ 50 เท่าจากเงินต้น
- ซึ่งมากกว่า 10 ตัวที่ไม่ขาดทุนเลย ได้ 5% ต่อปี ที่ได้ผลตอบแทนเพียง 4 เท่า เท่านั้น

และก็ได้ฝากข้อคิดไว้ว่าการลงทุนเดินทางสายกลางได้ ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป เหมือนกีตาร์จะเสียงเพราะสายต้องพอดี
การลงทุนก็เหมือนกัน อย่า Active เกินไป หรือ Passive เกินไป

เราอาจจะต้อง Balance คอยควบคุมระหว่างเกมรุก-เกมรับให้ดี เราก็จะสำเร็จได้เหมือนกัน..

ใครพลาดงานนี้ สามารถซื้อบัตร RERUN รับชมย้อนหลังออนไลน์ (มีจำนวนจำกัด) คุ้มค่าที่จะเรียนรู้ ประสบการณ์ตรง จาก Speakers ชั้นนำ 30 ท่าน 20 Sessions รีบซื้อก่อนหมดได้ที่ www.zipeventapp.com/e/longtunmansummit2025

#ลงทุนแมน
#ลงทุนแมนSUMMIT2025

170 - 0

ลงทุนแมน
Posted 5 days ago

“เราไม่มีทางรู้ว่า อนาคตจะต้องแบก ค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง การลงทุนที่ดี ก็ควรจะมีปันผลระหว่างทาง ให้เราด้วย”
-คุณชัชวนันท์ สันธิเดช เจ้าของ Facebook Page Club VI ในงาน ลงทุนแมน SUMMIT

การได้ปันผลปีละ 1 ล้านบาท อาจดูเหมือนเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากเราสร้างพอร์ตการลงทุนให้เป็น Cash Machine หรือเครื่องจักรที่ผลิตเงินสดเป็นของตัวเองได้ การจะไปถึงเป้าหมายนั้นก็จะดูไม่ยากเย็น

โดยคุณสมบัติของพอร์ตการลงทุนที่จะเป็น Cash Machine ได้ จากคุณชัชวนันท์ สันธิเดช เจ้าของ Facebook Page Club VI ต้องประกอบไปด้วย 3 สิ่ง

1. ต้องเป็นพอร์ตที่ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มาก

2. ต้องเป็นพอร์ตที่เราสร้างได้ตัวเอง ไม่ใช่ก็อปหุ้นมาจากเซียน เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดเราจะได้ปรับเปลี่ยนซ่อมแซมเองได้

3. สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ผลตอบแทนทบต้น” ที่จะทำให้เงินลงทุนของเราเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ซึ่งถ้าสมมติให้ออมเงินเดือนละ 10,000 บาท ออมเพิ่มปีละ 5% ตามเงินเดือนที่เพิ่ม เอาไปลงทุนให้ได้อย่างน้อย 10% ต่อปี ถ้าทำได้ตามนี้ต่อเนื่อง ผ่านไป 35 ปี จะมีเงินมากถึง 54 ล้านบาท เลยทีเดียว

หรือด้วยเงื่อนไขเดียวกัน ไปลงทุนกับหุ้น Berkshire Hathaway ของปู่ Warren Buffett ที่ทำให้เงินลงทุนของเรา เติบโตเป็น 500 ล้านบาทได้ แทนที่จะเป็น 54 ล้านบาท แต่หุ้น BRK ไม่เคยจ่ายเงินปันผลออกมาเลยสักปี

ทั้งที่ในอนาคตเราไม่มีทางรู้เลยว่า เราจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และคนรอบตัวของเราที่เห็นเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็อาจจะเกิดความคาดหวังว่าให้เรานำความมั่งคั่งอันมากมาย ออกมาใช้จ่ายเพื่อให้ชีวิตสุขสบายขึ้นได้บ้าง

ผลตอบแทนทบต้นของ Cash Machine จึงอาจจะไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่เพราะเราต้องดึงเงินลงทุนออกมาใช้
เพราะฉะนั้น Cash Machine หรือเครื่องจักรผลิตเงินสดของเรา จะมีแต่เงินต้นอย่างเดียวไม่ได้ จึงต้องสร้างเงินปันผลด้วย

โดยถ้าหากเราเก็บเงินและอดทนลงทุนในระยะยาว ให้อัตราผลตอบแทนทบต้นทำงานอย่างเต็มที่ จนมีเงินลงทุนเติบโตขึ้นเป็น 54 ล้านบาท เหมือนในตัวอย่าง
ด้วยอัตราผลตอบแทนจากปันผลเพียงแค่ 2% ต่อปี ก็เพียงพอที่จะทำให้เราได้เงินปันผลปีละ 1 ล้านบาท ตามที่เราตั้งใจได้แล้ว

ถ้าหากอยากรู้อย่างละเอียด ว่าพอร์ตเครื่องจักรผลิตเงินสด จะต้องสร้างอย่างไร แบบ Step by Step จากงาน ลงทุนแมน SUMMIT ใครพลาดงานนี้ สามารถซื้อบัตร RERUN รับชมย้อนหลังออนไลน์ (มีจำนวนจำกัด) คุ้มค่าที่จะเรียนรู้ ประสบการณ์ตรง จาก Speakers ชั้นนำ 30 ท่าน 20 Sessions รีบซื้อก่อนหมดได้ที่ www.zipeventapp.com/e/longtunmansummit2025

#ลงทุนแมน
#ลงทุนแมนSUMMIT2025

92 - 0

ลงทุนแมน
Posted 5 days ago

ผมจะหายตัวไป 3 ปี และกลับมาพร้อมผลงาน งานลงทุนแมน SUMMIT จะเป็นงานท้าย ๆ ที่ผมจะออก
-คุณคมสันต์ แซ่ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express เปิดเผยมุมมองในงาน ลงทุนแมน SUMMIT 2025

คุณคมสันต์ บอกว่าตอนนี้กำลังอยากปั้นแบรนด์ใหม่อีกเป็น 100 แบรนด์ แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่า จะต้องเจอความล้มเหลว แต่ไม่เป็นไร เพราะถือว่าทำไว้เรียนรู้

โดยมองว่า IPs (Intellectual Property) หรือทรัพย์สินทางปัญญา ของคนไทย หรือที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย ยังต่อยอดไปได้อีกเยอะ และอยากให้กลายเป็นแบรนด์ได้

เหมือนที่ชาวต่างชาติทุกคน ถ่ายรูปยักษ์ที่สุวรรณภูมิ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าคืออะไร หรือเรียกว่าอะไร
นี่สะท้อนว่าเรายังมีโอกาสเล่า Story ให้แบรนด์ไทย ใส่ความเป็นไทยในอะไรหลายอย่าง ได้อีกเยอะ

คุณคมสันต์ ยังมีมุมมองว่า อุตสาหกรรมที่ประเทศไทยสามารถแข่งกับคนอื่นได้สบาย ๆ คือ อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) แต่น่าเสียดายที่แบรนด์ไทยที่ไประดับโลก ยังมีไม่มาก

เรามีทรัพยากรดี ๆ อยู่แล้ว อย่างเช่น ชาไทย ที่เรามีชาคุณภาพดี ปลูกในประเทศ
แต่เวลาส่งไปขายในหลาย ๆ ประเทศ อาจจะไปแค่ในฐานะวัตถุดิบ ทั้งที่เราควรขายในฐานะ “แบรนด์” ที่มีมูลค่าสูงกว่า

ดังนั้นถ้าอยากให้เศรษฐกิจไทยโตจริง เราต้องไม่หยุดแค่การเป็น ฐานการผลิต แต่ต้องก้าวไปสู่
การสร้างแบรนด์ และการถือครองเทคโนโลยีด้วยตัวเอง

สุดท้ายนี้ คุณคมสันต์ ยังบอกว่า “ผมอาจจะไม่หล่อเท่าสันติในหนัง แต่เรื่องความรวย ผมไม่แพ้แน่นอน”

และบอกว่าจะหายไปอีกสัก 3 ปี และจะกลับมาพร้อมผลงาน เพื่อไปพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ทำสำเร็จจริง ๆ

ใครพลาดฟัง คุณคมสันต์ แซ่ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express ในงาน ลงทุนแมน SUMMIT 2025 สามารถซื้อบัตร RERUN รับชมย้อนหลังออนไลน์ (มีจำนวนจำกัด) คุ้มค่าที่จะเรียนรู้ ประสบการณ์ตรง จาก Speakers ชั้นนำ 30 ท่าน 20 Sessions รีบซื้อก่อนหมดได้ที่ www.zipeventapp.com/e/longtunmansummit2025

#ลงทุนแมน
#ลงทุนแมนSUMMIT2025

120 - 0