Channel Avatar

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro @UCi7TmX0tEjldN-O8PZDSdYQ@youtube.com

None subscribers - no pronouns set

พระอาจารย์ชยสาโรได้เมตตาอนุญาตให้คณะศิษย์จัดทำและดูแลสื่อธรร


ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
22 hours ago - 710 likes

คนเราเกิดคนเดียว แก่ก็แก่คนเดียว
เจ็บก็เจ็บคนเดียว ตายก็ตายคนเดียว
เรื่องการละกิเลส การบำเพ็ญกุศล
ไม่มีใครทำให้เราได้ เป็นงานของเราโดยเฉพาะ

พระอาจารย์ชยสาโร

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
1 day ago - 35 likes

有一次,舍利弗尊者宣称,无论过去、现在或未来,没有其他老师的智慧能超过佛陀。佛陀以提问回应,询问舍利弗尊者依据什么作出如此“重大且引人注意的声明”。他可知过去佛和未来佛的心?他可知坐在面前佛陀的心?

舍利弗尊者承认他不知佛陀的心。然而,他坚持他的声明,并提出一个类比来解释为何可能有齐平于佛陀智慧的,但从未被超越。

“假设有一个国王的都城,周围有坚固的城墙环绕,配有巡逻道和唯一的大门。门口还有一个智慧的、经验丰富且聪明的守门人,他把陌生人拦在外面,只让认识的人进入。当他在巡逻道上走动时,没有看到城墙上有任何一个洞或裂缝,甚至连大到猫能出溜进去的都没有。他会想,“无论什么大点的生物进入或离开城市,它们都必须通过这扇门。”

同样的,世尊,我依据佛法推断而理解:“所有完全证悟的佛陀,无论是过去、现在还是未来,都断除了五盖这削弱智慧的心的败坏。

他们的心牢固地立于四念处。他们正确地发展七觉支。因此,他们达到了无上的正觉。”

- 阿姜袈亚裟柔
FFH翻译组

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
1 day ago - 506 likes

ครั้งหนึ่ง พระสารีบุตรประกาศว่าไม่มีสมณะหรือพราหมณ์อื่นใด ทั้งในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตที่มีความรู้ยิ่งไปกว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์ตรัสตอบด้วยคำถามว่า เหตุไฉนจึงหาญกล่าวอาสภิวาจาอันองอาจเช่นนั้น พระสารีบุตรกำหนดรู้ในจิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตและอนาคตได้หรือ? และกำหนดรู้ในจิตของพระพุทธองค์ซึ่งประทับอยู่ต่อหน้าได้หรือ?

พระสารีบุตรยอมจำนนว่า ไม่อาจกำหนดรู้ในจิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่กระนั้น ก็ยังคงยืนยันในอาสภิวาจานั้น และกล่าวอุปมาเพื่ออธิบายว่า เหตุใดความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอาจมีผู้เทียบเทียม แต่มิอาจยิ่งกว่า

“เปรียบดั่งนครหลวงของพระราชา มีป้อมกำแพงแน่นหนา มีเชิงเทินมั่นคง มีประตูเข้าออกทางเดียว บุคคลผู้เฝ้าประตูเมืองเป็นผู้ฉลาด เชี่ยวชาญ มีปัญญา รู้จักห้ามคนแปลกหน้ามิให้เข้าเมือง ยินยอมเฉพาะคนรู้จักให้เข้าเมือง เขาเดินลาดตระเวนบนกำแพงเมือง ไม่เห็นช่องหรือรอยแยกของกำแพง แม้เพียงแมวจะลอดได้ จึงคิดว่า สัตว์ใหญ่ใดๆ จะพึงเข้าออกเมืองนี้ ย่อมต้องผ่านประตูเมืองนี้เท่านั้น ฉันใด

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เฉกเดียวกันนั้น ข้าพระองค์ย่อมทราบโดยเทียบเคียงในธรรมได้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งปวง ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ล้วนทรงละนิวรณ์ ๕ เครื่องเศร้าหมองในจิตอันบั่นทอนปัญญาได้แล้ว จิตย่อมตั้งมั่นแล้วในสติปัฏฐาน ๔ เจริญสัมโพชฌงค์ ๗ ตามเป็นจริง จึงได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ”

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ศิษย์ทีมสื่อดิจิทัลฯ

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
1 day ago - 55 likes

On one occasion, Ven. Sāriputta proclaimed that there was no other teacher in the past, the present or the future whose wisdom could exceed that of the Buddha. The Buddha responded by asking Ven. Sāriputta for the basis on which he was making such a ‘grand and dramatic statement.’ Did he comprehend the minds of the Buddhas of the past and future? Did he comprehend the mind of the Buddha sitting in front of him? Ven. Sāriputta conceded that he could not comprehend the minds of Buddhas. Nevertheless, he stood by his statement, and offered an analogy to explain why the Buddha’s wisdom might be equalled, but never surpassed.

“Suppose there were a king’s capital city with a strong wall built around it, with a patrol path and a single gate. It also has a gatekeeper who is wise, experienced and clever. He keeps strangers out and lets known people in. As he walks around the patrol path, he doesn’t see a single hole or crack in the wall, not even one big enough for a cat to slip in. He’d think, “Whatever sizeable creatures enter or leave the city, all of them do so through this gate.”

In the same way. Lord, I understand by inference from the Dhamma: “All the fully enlightened Buddhas-whether of the past, present or future:
abandoned the five hindrances, corruptions of the mind that weaken wisdom.
Their mind is firmly established in the four foundations of mindfulness.
They correctly develop the seven awakening factors.
As a result they attain to the supreme enlightenment.”

Ajahn Jayasāro
29/6/24

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
2 days ago - 313 likes

...ต่อจากนี้ไปได้เวลาเจริญจิตตภาวนา ขอให้ทุกคนนั่งในอิริยาบถที่ถนัด ที่เอื้อต่อการภาวนามากที่สุด วัฏฏสงสารคือความซ้ำซาก ชีวิตที่ขาดธรรมะก็ซ้ำซาก เมื่อเราเจริญสติให้ต่อเนื่องเราก็จะได้สัมผัสชีวิตที่ไม่ซ้ำซาก อย่างน้อยก็ชิมรสของความไม่ซ้ำซาก

ถ้าจิตมีสติ ไม่มีคำว่าเก่า ไม่มีคร่ำครึ เราได้เข้าถึงชีวิตของเราที่ไม่มีอะไรทับถม ไม่มีอะไรครอบคลุม เข้าถึงตัวชีวิต จิตยังตามความเคยชิน ตามของเก่าๆ ก็ซ้ำซากอยู่เรื่อย ชีวิตมีนิวรณ์ ชีวิตไม่มีนิวรณ์นี่มันต่างกันมาก เหมือนกลางวันกลางคืน...

พระอาจารย์ชยสาโร
นำสมาธิภาวนา ในวาระปฏิบัติธรรมบ้านบุญวันอาทิตย์
วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๗ ณ บ้านบุญ ปากช่อง นครราชสีมา

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
3 days ago - 709 likes

การหลงทางในชีวิตนั้น ไม่ใช่จะเหมือนกับว่า
ควรเลี้ยวซ้ายกลับเลี้ยวขวา มันไม่ชัดเจนอย่างนั้น
แต่มันเป็นการเขวออกจากทางที่ถูกต้อง ทีละเล็ก ทีละน้อย
โดยเราไม่รู้สึกตัวว่าหลง เพราะไม่มีเครื่องวัดที่ละเอียดพอ

ผิดไปวันละหนึ่งองศา หกเดือนเป็น ๑๘๐ องศา
ทิศเหนือกลายเป็นทิศใต้เรียบร้อยแล้ว

ที่มันค่อยเป็นค่อยไป นี่แหละอันตราย
ปล่อยทีละเล็กทีละน้อย เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
เรื่องที่แก้ไขง่าย กลายเป็นเรื่องที่แก้ไขยาก

ฉะนั้น พระพุทธองค์จึงสรรเสริญ การตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ระลึกอยู่ในความหมายและจุดมุ่งหมายของการกระทำอยู่บ่อยๆ
นี่คือการปฏิบัติต่อเวลา ที่ถูกต้อง ปราศจากโทษ

พระอาจารย์ชยสาโร

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
4 days ago - 604 likes

มีนักปราชญ์คนหนึ่งเคยบอกว่า ถ้าอยากพูดเท็จควรมีความจำดี เหตุผลคือเพราะโกหกคนนั้นคนนี้ ถ้าความจำไม่ดีแล้วจะสับสนว่าพูดอะไรกับใคร ไม่นานจะพบโทษของการโกหกข้อหนึ่งว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของเรา คำพูดไม่มีน้ำหนัก เราจะเป็นที่ระแวงของคนอื่นแม้ในกรณีที่พูดความจริงก็ตาม

ผู้ที่โกหกจนเป็นนิสัยยังต้องการเคารพนับถือตัวเอง ไม่อยากคิดว่าตัวเองเป็นคนขี้โกหก คนประเภทนี้หลายคนก็เลยหลอกลวงตัวเองว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริงทั้งหมดจนกระทั่งความทรงจำเปลี่ยนไป เมื่อมีใครตักเตือนว่ากล่าวเพราะการโกหกจะน้อยใจเสียใจมากพอๆ กับคนที่ไม่เคยโกหก เมื่อการโกหกถึงขึ้นนี้แล้วเป็นปัญหาต่อสุขภาพจิต เพราะเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับความไม่จริงเริ่มเลอะเลือน

สรุปแล้วพูดความจริงดีกว่า พูดความจริงที่เป็นประโยชน์ ถูกกาละเทศะ ด้วยความหวังดี และความสุภาพอ่อนโยน ถ้าพูดอย่างนี้พระพุทธองค์ทรงยกย่องว่าเป็นวาจาสุภาษิต

พระอาจารย์ชยสาโร

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
5 days ago - 64 likes

有一次,舍利弗尊者被诬告对另一位僧人进行身体攻击。尽管这个指控荒谬至极,佛陀并没有立即反驳。相反,他召集了僧团集会,邀请指控者公开重复他的指控,并给了舍利弗尊者回应的机会。舍利弗尊者的回应如此雄辩有力,被誉为他的“狮子吼”。

舍利弗尊者没有因为指控而感到伤害或冒犯,因为他无法将这些指控放在心上。

“世尊,就像人们把净与不净的东西、粪便、尿液、唾液、脓和血扔在地上;尽管如此,大地并不感到厌恶、反感或恶心。我亦如此,世尊,我安住于像大地一般宽广和浩瀚无垠的心,没有敌意和恶意。世尊,就像人们用水清洗净与不净的东西……我安住于如水一般的心中……世尊,就像火焰燃烧净与不净的东西……我安住于如火一般的心中……世尊,就像风吹过净与不净的东西……我安住于如风一般的心中…..”

舍利弗尊者继续将他心中的谦卑与一个手捧着乞讨碗的贱民孩子相比较;将他的无攻击性与一头训练有素的被断角公牛相比较。他说,只有当他迷恋于肉身时,伤害的意志才会生起。他并不迷恋。

佛陀对舍利弗尊者说:“舍利弗,在这个愚人的头爆裂成七块之前,宽恕他吧。”

- 阿姜袈亚裟柔
FFH翻译组

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
5 days ago - 338 likes

ครั้งหนึ่ง พระสารีบุตรถูกกล่าวหาว่าทำร้ายพระภิกษุอีกรูป แม้ข้อกล่าวหาจะฟังดูไร้สาระ แต่ พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ทรงปฏิเสธเสียทันที หากทรงเรียกประชุมสงฆ์ ให้ผู้กล่าวหาได้แถลงต่อหน้าสงฆ์ และเปิดโอกาสให้พระสารีบุตรได้แก้ข้อสงสัย คำกล่าวของพระสารีบุตรเป็นวาทะอันคมคายและทรงพลังจนเป็นที่รู้จักกันว่า คือ ‘การบันลือสีหนาท’ ของท่าน

พระสารีบุตรมิได้เสียใจหรือขุ่นเคืองในข้อกล่าวหา เพราะท่านพ้นแล้วจากการยึดถือคำกล่าวหาว่าเป็นเรื่องอัตตาตัวตน

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันว่าชนทั้งหลายย่อมทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง คูถบ้าง มูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง โลหิตบ้าง ลงบนแผ่นดิน ทว่าแผ่นดินก็ไม่อึดอัดระอา หรือรังเกียจด้วยสิ่งนั้น แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็เป็นฉันนั้น มีใจเสมอด้วยแผ่นดินอันไพบูลย์ กว้างใหญ่ ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันว่าชนทั้งหลายย่อมล้างของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง คูถบ้าง มูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง โลหิตบ้าง ลงในน้ำ … แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็เป็นฉันนั้น มีใจเสมอด้วยน้ำอันไพบูลย์ …

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันว่าไฟย่อมไหม้ของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง… แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็เป็นฉันนั้น มีใจเสมอด้วยไฟอันไพบูลย์…

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันว่าลมย่อมพัดของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง… แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็เป็นฉันนั้น มีใจเสมอด้วยลมอันไพบูลย์…”

พระสารีบุตรสาธยายต่อโดยอุปมาถึงจิตอันปราศจากทิฏฐิมานะของท่านว่าเปรียบเสมือนเด็กจัณฑาลเดินถือขันขอทาน จิตอันปราศจากความมุ่งร้ายเปรียบเสมือนโคเขาขาดอันฝึกดีแล้ว ท่านกล่าวว่า มีเพียงกายคตาสติอันภิกษุไม่เข้าไปตั้งไว้ในกายเท่านั้น เจตนาเบียดเบียนจึงจะเกิดได้ แต่พระสารีบุตรยืนยันว่าท่านตั้งมั่นอยู่ในกายคตาสติอย่างสม่ำเสมอ

ครั้นภิกษุรูปนั้นได้ฟังแล้วก็สำนึกผิด จึงกล่าวขอขมา

พระพุทธองค์ตรัสกับพระสารีบุตรว่า “สารีบุตร เธอจงอดโทษให้แก่โมฆบุรุษผู้นี้เถิด ก่อนที่ศีรษะของเขาจะแตกเป็น ๗ เสี่ยง เพราะโทษนั้นนั่นเอง”

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ

ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
5 days ago - 62 likes

On one occasion, Ven. Sāriputta was falsely accused of attacking another monk physically. Absurd as the accusation was, the Buddha did not reject it out of hand. Instead, he called a meeting of the Sangha, in which the accuser was invited to repeat his allegations publicly, and Ven. Sāriputta was given the opportunity to reply to them. Ven. Sāriputta’s response was so eloquent and so powerful it became known as his ‘lion’s roar’.

Ven. Sāriputta was not hurt or offended by the accusations because he was incapable of taking them personally:

“Just as, O Lord, people throw upon the earth things clean and unclean, dung, urine, spittle, pus and blood; yet for all that the earth feels no loathing, revulsion or disgust. Even so, Lord, do I dwell with a heart that is like the earth, wide, extensive and measureless, without hostility and ill-will. Just as, O Lord, people wash in water things clean and unclean... so do I dwell with a heart that is like water... Just as, O Lord, fire burns things clean and unclean... so do I dwell with a heart that is like fire... Just as, O Lord, the wind blows over things clean and unclean... so do I dwell with a heart like the wind.”

Ven. Sāriputta goes on to compare his heart’s lack of pride to an outcast child, begging bowl in hand; his lack of aggression to a well-trained bull with its horns cut off. Only, he says, if he was enamoured of the physical body, would the volition to harm arises. He is not so enamoured.

The Buddha says to Ven. Sāriputta: “Sāriputta, forgive this silly man before his head explodes into seven pieces.”

Ajahn Jayasāro
25/6/24