Channel Avatar

Thailand Motorcycle News @UCNZkthLxsc5c9J3FFc6hXgw@youtube.com

9.5K subscribers

ข้อมูลข่าวสารมอเตอร์ไซค์จากทั่วโลก 🌏


Welcoem to posts!!

in the future - u will be able to do some more stuff here,,,!! like pat catgirl- i mean um yeah... for now u can only see others's posts :c

Thailand Motorcycle News
Posted 55 minutes ago

ตำนาน V4 ยุค 80: Honda VF750F และ VF400F สองสปอร์ตไบค์ที่ก้าวล้ำยุค

Honda VF750F และ VF400F ที่เปิดตัวในปี 1982 ถือเป็นรถสปอร์ตบนท้องถนนที่รวมเอาสุดยอดเทคโนโลยีที่พัฒนาจากประสบการณ์ในสนามแข่งของ Honda โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์สมรรถนะการควบคุมที่เหนือกว่าใคร

หัวใจสำคัญคือเครื่องยนต์ V4 90 องศา
จุดเด่นที่สุดของทั้งสองรุ่นคือการใช้เครื่องยนต์ V-Four (V4) ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่มีมุมแคบ 90 องศา การออกแบบทางวิศวกรรมที่ชาญฉลาดนี้ทำให้แรงสั่นสะเทือนปฐมภูมิ (Primary Vibration) หายไปตามหลักทฤษฎี จึงไม่จำเป็นต้องใช้ตัวถ่วงสมดุล (Balancer) ส่งผลให้ตัวรถโดยรวมมีน้ำหนักเบาลง เพรียวบาง และมีขนาดกะทัดรัด
นอกจากนี้ ห้องเผาไหม้ยังถูกออกแบบให้เป็นรูปทรงหลังคา (Roof-shaped) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ทำให้ได้ทั้งกำลังที่สูงและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม
* VF750F (748 ซีซี): ทำกำลังสูงสุด 72 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ/นาที และประหยัดน้ำมันถึง 38 กม./ลิตร (จากการทดสอบที่ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม.)
* VF400F (399 ซีซี): ทำกำลังสูงสุด 53 แรงม้า ที่ 11,500 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในคลาสขณะนั้น พร้อมอัตราประหยัด 43 กม./ลิตร

นวัตกรรมที่จัดเต็มทั้งคัน
* โครงสร้างและระบบกันสะเทือน: โครงสร้างตัวถังใช้เฟรมเปลคู่ (Double Cradle) ที่ออกแบบให้มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง ด้านหลังติดตั้งระบบกันสะเทือน Pro-Link อันเป็นเอกลักษณ์ของ Honda ส่วนด้านหน้าเป็นระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Air Suspension) พร้อมด้วยกลไก TRAC (Torque Response Anti-dive Control) ที่ช่วยลดอาการยุบตัวของโช้คหน้าขณะเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* ความล้ำหน้าของ VF750F: รุ่นใหญ่ VF750F ยังมาพร้อมนวัตกรรมระดับโลก คือเป็นรถโปรดักชันคันแรกของโลกที่ใช้กลไก Back Torque Limiter (คลัตช์สลิปเปอร์) เพื่อป้องกันไม่ให้ล้อหลังล็อกหรือกระโดดเมื่อผู้ขับขี่ลดเกียร์อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นแรกในคลาสที่ใช้ล้อหน้า Comstar อะลูมิเนียมขนาด 16 นิ้วทรงบูมเมอแรง และติดตั้งแฟริ่งเฉพาะรุ่นมาให้ด้วย

ทั้งสองรุ่นติดตั้งอุปกรณ์ล้ำยุคในสมัยนั้น เช่น ไฟหน้าฮาโลเจนทรงสี่เหลี่ยม และแฮนด์บาร์แบบแยกส่วน (Separate Handlebar) ที่ผลิตจากดูราลูมินหลอม เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ผสมผสานความแรงและเทคโนโลยีไว้อย่างลงตัว

By. honda japan

UP Up
Thailand Motorcycle News

#HondaVF750F
#HondaVF400F
#HondaV4
#รถจักรยานยนต์ยุค80
#ตำนานมอเตอร์ไซค์
#มอเตอร์ไซค์คลาสสิก
#Honda
#รถสปอร์ตย้อนยุค
#เทคโนโลยีมอเตอร์ไซค์

3 - 0

Thailand Motorcycle News
Posted 2 hours ago

ย้อนรอยประวัติศาสตร์: Yoshimura-Moriwaki "GSX1000" (1983) ซูเปอร์เรซเซอร์ที่เกิดจากการรวมสุดยอดเทคโนโลยีของสองตำนาน!

By. Yoshimura Japan

UP Up
Thailand Motorcycle News

#รถมอเตอร์ไซค์ #บิ๊กไบค์ #ประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ต #Yoshimura #Moriwaki #GSX1000 #Suzuki #รถแข่งในตำนาน #Suzuka8Hours #TTF1 #ตำนานสองล้อ

6 - 0

Thailand Motorcycle News
Posted 3 hours ago

ย้อนรอยประวัติศาสตร์: Yoshimura-Moriwaki "GSX1000" (1983) ซูเปอร์เรซเซอร์ที่เกิดจากการรวมสุดยอดเทคโนโลยีของสองตำนาน!

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1954 ประวัติศาสตร์ของสำนักแต่ง Yoshimura แทบจะแยกไม่ออกจากสนามแข่ง บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงหนึ่งในรถแข่งที่โดดเด่นที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขา นั่นคือ "GSX1000" ปี 1983 ซึ่งเป็นผลงานการร่วมมือกับ Moriwaki สองตำนานแห่งวงการมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น
การรวมพลังครั้งสำคัญเพื่อสู้ศึก Suzuka 8 Hours
ในปี 1983 Suzuki ได้ลดกิจกรรมด้านการแข่งขันลง ทำให้ Yoshimura ซึ่งเคยใช้เฟรมรถแข่งที่พัฒนาโดยโรงงาน Suzuki ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดังกล่าวได้อีกต่อไป นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการผนึกกำลังครั้งสำคัญกับ Moriwaki ผู้บุกเบิกการใช้เฟรมอะลูมิเนียมเฉพาะสำหรับรถแข่งมาตั้งแต่ปี 1981 และถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเฟรมที่ล้ำหน้ากว่าทีมโรงงานในบางด้าน ณ เวลานั้น

GSX1000 คันนี้จึงเป็นการรวมสุดยอดเทคโนโลยีของทั้งสองค่ายเข้าด้วยกัน:
* เครื่องยนต์: ใช้เครื่องยนต์ 4 วาล์วที่ได้รับการจูนอย่างเต็มพิกัดโดย Yoshimura โดยมีพื้นฐานจาก Suzuki GSX1000S Katana เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด TT-F1 ที่จำกัดความจุไว้ที่ 1000cc
* เฟรม: ใช้เฟรมแบบ Double-Cradle ท่อเหลี่ยมมัลติริบจาก Moriwaki
* ระบบกันสะเทือน: ด้านหลังยังคงเลือกใช้โช้คอัพคู่ (Twin-shock) แบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นแนวคิดของ Moriwaki ที่เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ขับขี่ "รับรู้ถึงการเริ่มลื่นไถลของยางได้ง่ายกว่า" โดยใช้โช้ค Kayaba ที่ปรับแต่งพิเศษ พร้อมการปรับองศาแผงคอ (Caster Angle) ให้มีความลาดเอียงตามสไตล์ของ Moriwaki
* ท่อไอเสีย: ใช้ท่อไอเสียไทเทเนียมแบบ 4-into-1 ที่ทำการดัดมืออย่างประณีต

ผลงานในสนามแข่ง
ในการแข่งขัน Suzuka 8 Hours ปี 1983 ทีม Yoshimura ที่มี Graeme Crosby และ Rob Phillis เป็นผู้ขับขี่ สามารถคว้าตำแหน่ง Pole Position (ตำแหน่งออกตัวหน้าสุด) ในรอบคัดเลือกได้อย่างน่าทึ่ง แต่ในรอบชิงชนะเลิศ รถต้องเจอกับปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันเครื่องจากฝาสูบ ทำให้จบการแข่งขันที่อันดับ 13 ไปอย่างน่าเสียดาย
ในขณะเดียวกัน ทีม Moriwaki ที่ใช้เฟรมเดียวกันแต่ติดตั้งเครื่องยนต์ Kawasaki Z1000J ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 6
ถ่ายทอดวิชาจากสนามแข่งสู่ถนน

หลังจบฤดูกาลแข่งขันในช่วงปี 1985-1986 Yoshimura ได้นำความรู้และเทคนิคที่สั่งสมจากสนามแข่ง TT-F1 และ F3 มาถ่ายทอดสู่รถจักรยานยนต์รุ่นสำหรับจำหน่ายจริง โดยมีแนวคิดที่จะ "แบ่งปันความรู้ที่ได้จากสนามแข่งให้กับนักบิดบนท้องถนน"

ความพยายามนี้ได้เริ่มต้นด้วยการจำหน่ายชุด Kit Parts และต่อยอดไปสู่การพัฒนารถรุ่นคอมพลีทอย่าง "Yoshimura Tornado 1200 Bonneville" ในเวลาต่อมา

ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ YOSHIMURA TORNADO F-1 PROTO (ต้นแบบปี 1985 ที่พัฒนาจาก GSX-R750) ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นรถถนนที่มาพร้อมกับชิ้นส่วนคุณภาพสูง เช่น แฟริ่งที่ออกแบบตามหลักพลศาสตร์จากอุโมงค์ลม, ถังน้ำมันอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา, ชุดเกียร์โยงอะลูมิเนียม, และจานเบรกหน้าลอยตัวที่ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ยังมีชุดอัปเกรด "Stage 2 Complete Engine" ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 130PS ซึ่งประกอบด้วยมือโดยช่างของ Yoshimura อีกด้วย


UP Up
Thailand Motorcycle News

#Yoshimura
#Moriwaki
#GSX1000
#Suzuka8Hours
#EnduranceRacer
#TTF1
#Suzuki
#Katana
#มอเตอร์ไซค์คลาสสิก
#ประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ต

3 - 0

Thailand Motorcycle News
Posted 6 hours ago

Yamaha XJR1200 (รุ่นปี 1994-1997): บิ๊กเนคเก็ตที่เน้น "ความรู้สึก" ของผู้ขี่ พัฒนาเพื่อตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ!

UP Up
Thailand Motorcycle News

#YamahaXJR1200 #XJR1200 #บิ๊กเนคเก็ต #BigNaked #ยามาฮ่า #มอเตอร์ไซค์คลาสสิก #เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศ #Ohlins #Brembo #ตำนานมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น #Humanonics

5 - 0

Thailand Motorcycle News
Posted 6 hours ago

Yamaha XJR1200 (รุ่นปี 1994-1997): บิ๊กเนคเก็ตที่เน้น "ความรู้สึก" ของผู้ขี่ พัฒนาเพื่อตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ!

ยามาฮ่า XJR1200 เปิดตัวเข้าสู่ตลาดบิ๊กเนคเก็ต (Big Naked) ในปี 1994 ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าคู่แข่งในตลาดถึง 2 ปี แต่ความล่าช้านี้ไม่ได้เกิดจากปัญหา หากแต่เกิดจากการที่ยามาฮ่าใช้เวลาอย่างพิถีพิถันในการกำหนดแนวคิดการพัฒนาที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจสร้างรถรุ่นนี้เพื่อ ตลาดภายในประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่หาได้ยากสำหรับมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่

ด้วยการมุ่งเน้นตลาดในประเทศ ทีมพัฒนาจึงไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญสูงสุดกับการทำความเร็วสูง (มากกว่า 160 กม./ชม.) เหมือนรถที่ส่งออกต่างประเทศ แต่สามารถหันมาเน้นที่ ประสิทธิภาพในย่านความเร็วต่ำถึงกลาง (ตั้งแต่ความเร็วในเมืองจนถึง 80-100 กม./ชม.) และการควบคุมที่ละเอียดอ่อนแทน

หัวใจสำคัญ: เครื่องยนต์ที่ใส่ "ความรู้สึก"
XJR1200 ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยอากาศขนาด 1,188 ซีซี ซึ่งมีพื้นฐานมาจากเครื่องยนต์ของรุ่นทัวริ่งอย่าง FJ1100/FJ1200 แต่ได้ถูกปรับแต่งเพื่อเน้นความรู้สึกในการขับขี่โดยเฉพาะ

ทีมพัฒนาต้องการการตอบสนองที่ฉับไวตั้งแต่รอบต่ำ และความทรงพลังที่ช่วยให้ผู้ขี่รู้สึกถึงแรงฉุดลาก (Traction) ขณะเข้าโค้งได้ง่าย จึงได้ติดตั้ง Throttle Position Sensor (TPS) เข้ากับคาร์บูเรเตอร์ เพื่อควบคุมจังหวะการจุดระเบิดได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้เครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่ นุ่มนวล แต่ก็มีชีวิตชีวาและเร้าใจ ในย่านความเร็วที่ใช้งานจริง

แชสซีและช่วงล่างสุดพรีเมียม
ในด้านของโครงสร้าง ยามาฮ่าเลือกใช้เฟรมเหล็กท่อแบบเปลคู่ (Double Cradle) ที่เป็นดีไซน์ดั้งเดิม แต่เลือกใช้ท่อเมนขนาดใหญ่ (เส้นผ่านศูนย์กลาง 38.1 มม.) ที่ตั้งใจให้มีทั้งความแข็งแกร่งที่เพียงพอ แต่ก็ยังคงมีความยืดหยุ่น (Compliance) เพื่อให้ผู้ขี่ที่มีประสบการณ์รู้สึก "คุย" กับรถได้ง่าย

นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้ง โช้คหลัง Ohlins (ผลิตภายใต้ลิขสิทธิ์ในประเทศญี่ปุ่น) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งเป็นโช้คสมรรถนะสูงที่มีวาล์วหลายชั้น เพื่อป้องกันการเกิดอาการน้ำมันไฮดรอลิกแข็งตัว (Hydraulic Hardening) ในการขับขี่ที่หนักหน่วง
การตอบรับที่ประสบความสำเร็จ

แม้จะมีรูปลักษณ์ที่ใหญ่โตตามสไตล์บิ๊กเนคเก็ต แต่เมื่อผู้ขี่ได้ขึ้นคร่อมจะรู้สึกว่ารถ กะทัดรัดและควบคุมง่ายอย่างน่าประหลาดใจ การควบคุมมีความเสถียรและให้ความรู้สึกเบา ไม่รู้สึกถึงน้ำหนัก 232 กิโลกรัมจนเกินไป ด้วยพละกำลัง 97 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที ทำให้ XJR1200 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม และได้รับคำชื่นชมว่าผู้ขี่สามารถสื่อสารกับรถได้อย่างเชื่อมั่น ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญา

"Humanonics" ของยามาฮ่าที่เน้นการถ่ายทอดและสืบทอดความรู้สึกของมนุษย์ในการออกแบบ
ต่อมา ยามาฮ่าได้เพิ่มรุ่น SP ที่เน้นความเป็นสปอร์ต และอัปเกรดไปใช้คาลิเปอร์เบรกหน้า Brembo จากอิตาลี ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่า XJR1200 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้บิ๊กเนคเก็ตในฐานะรถที่สามารถสนุกไปกับการควบคุมรถ (Handling) ได้อย่างแท้จริง

By. YAMAHA JAPAN

UP Up
Thailand Motorcycle News

#YamahaXJR1200 #XJR1200 #บิ๊กเนคเก็ต #BigNaked #ยามาฮ่า #มอเตอร์ไซค์คลาสสิก #เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศ #Ohlins #Brembo #ตำนานมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น #Humanonics

4 - 0

Thailand Motorcycle News
Posted 22 hours ago

🛵 ตำนานสกู๊ตเตอร์ยุค 80: Honda LEAD 50/80 DELUXE (ปี 1982)

Honda LEAD ซีรีส์ที่เปิดตัวในปี 1982 ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดของสกู๊ตเตอร์สปอร์ตที่เปี่ยมด้วยความคล่องตัว โดยมีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย ได้แก่ LEAD 50 DELUXE, LEAD 50 SUPER DELUXE, และรุ่นใหญ่ขึ้นอย่าง LEAD 80 DELUXE

✨ จุดเด่นและเทคโนโลยีล้ำสมัยในยุคนั้น
* เครื่องยนต์ 2 จังหวะที่ทรงพลัง:
* ใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะ ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการออกแบบ 5-Port Cylinder ใหม่ เพื่อให้การกวาดไอดีและไอเสียทำได้อย่างยอดเยี่ยม ส่งผลให้มีสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องแคล่ว
* LEAD 50 (49cc): ให้กำลัง 5.0 แรงม้า พร้อมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่น่าทึ่งในยุคนั้นคือ 75 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่ 30 กม./ชม.)
* LEAD 80 (79cc): ให้กำลัง 6.5 แรงม้า
* ขับขี่ง่าย สะดวกสบาย:
* มาพร้อมระบบส่งกำลัง V-Matic ที่พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมเซ็นเซอร์วัดแรงบิด (Torque Sensor)
* อำนวยความสะดวกด้วยฟีเจอร์ที่ทำให้ใคร ๆ ก็ขับขี่ง่าย เช่น สตาร์ทเตอร์ไฟฟ้า, โช้กอัตโนมัติ (Auto Choke), ระบบจุดระเบิด CDI และการออกแบบให้มีน้ำหนักเบา (รุ่น 50 หนักเพียง 70 กก.) ทำให้ควบคุมและเข็นง่าย
* ความปลอดภัยและความพรีเมียม:
* ช่วงล่างถูกปรับปรุงเพื่อเพิ่มความนุ่มนวล โดยด้านหน้าเป็นระบบ Bottom Link และด้านหลังใช้โช้กอัพพร้อมแดมเปอร์น้ำมัน
* ติดตั้งเบรกดรัมขนาดใหญ่ 110 มม. ที่ล้อหน้าเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
* รุ่น Super Deluxe และ 80 Deluxe ถือเป็นผู้บุกเบิกในกลุ่มสกู๊ตเตอร์ที่ใช้ไฟหน้าหลอดฮาโลเจนขนาด 30W เป็นครั้งแรก เพื่อการมองเห็นที่ดีขึ้นในเวลากลางคืน
* LEAD 80: รุ่นสองคนนั่ง:
* รุ่น 80cc ถูกจัดเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก (Moped สองตอน) ที่สามารถซ้อนท้ายได้
* มาพร้อมเบาะนั่งคู่ขนาดใหญ่, ยางที่กว้างถึง 3.5 นิ้ว และล้ออะลูมิเนียมดีไซน์ใหม่ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายและเสริมความหรูหรา

#HondaLEAD #HondaLEAD50 #HondaLEAD80 #สกู๊ตเตอร์วินเทจ #รถคลาสสิก #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #รถจักรยานยนต์ยุค80 #สกู๊ตเตอร์

10 - 0

Thailand Motorcycle News
Posted 1 day ago

การสัมภาษณ์ผู้พัฒนาตำนานของ Kawasaki Z-Series โดยเฉพาะ คุณเคียวอิจิ อินามูระ ผู้สร้าง Z1 และ คุณทาเคชิ โยชิดะ ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนา Zephyr ซึ่งพวกเขาได้เผยแนวคิด "Z-ism" ที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน

แก่นแนวคิด Z-ism: จาก Z1 สู่ Zephyr

1. กำเนิด Z1: ปณิธาน "Best-in-the-World"
จุดเริ่มต้นของการสร้างรถจักรยานยนต์ระดับโลกของคาวาซากิเกิดขึ้นในยุค 1960 โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะที่เป็นออริจินัลแท้จริง เพื่อก้าวข้าม W1 ที่ถูกมองว่าเป็นแค่การลอกเลียนแบบรถอังกฤษ (BSA)

* การตัดสินใจครั้งสำคัญ: ทีมงานเริ่มต้นจากเครื่องยนต์ 2 สูบ แต่พบปัญหาแรงสั่นสะเทือนและการหล่อลื่นที่ไม่เหมาะสมสำหรับตลาดอเมริกา จึงตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC

* แรงกระแทกจากคู่แข่ง: ในปี 1968 ขณะที่พวกเขากำลังพัฒนาเครื่องยนต์ 750cc DOHC อยู่ การเปิดตัว Honda CB750 ในมอเตอร์โชว์ได้สร้างความตกตะลึงอย่างมาก ทำให้คาวาซากิหยุดการพัฒนาชั่วคราว

* สู่ "Magic Number 900": เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นผู้มาทีหลัง ทีมงานจึงตัดสินใจยกเครื่องใหม่ โดยขยายความจุเป็น 900cc (ได้รับแรงบันดาลใจจาก Harley Sportster 900) และกำหนดแนวคิดหลักว่าต้องเป็น "Best-in-the-World" (ที่สุดในโลก) ในทุกมิติ ซึ่งแนวคิดนี้กลายเป็นรากฐานของรถคาวาซากิมาจนถึงปัจจุบัน ผลลัพธ์คือการกำเนิดของ Kawasaki Z1 (900 Super Four)

2. การสืบทอด: ความมุ่งมั่นในเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง
แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป เครื่องยนต์ Z ก็พัฒนาจากระบายความร้อนด้วยอากาศไปสู่ระบายความร้อนด้วยน้ำในรุ่นอย่าง GPZ900R Ninja แต่ "Z-ism" ยังคงอยู่ และตัวเลข 900cc ก็กลับมามีความสำคัญอีกครั้ง

* ความแตกต่าง: แม้จะมีการทดลองเครื่องยนต์แบบอื่น ๆ เช่น V-4, V-6 หรือ 6 สูบเรียง แต่ทีมงานพบว่ามันไม่มีประโยชน์มากนัก จึงตัดสินใจกลับไปที่จุดเริ่มต้นและพัฒนาเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง (Inline Four) ให้ดีที่สุด โดยมุ่งเน้นการลดความกว้างของเครื่องยนต์ให้กะทัดรัด (เช่น การใช้ระบบ Wet Liner และ Side Cam Chain)

* ปรัชญา: คุณอินามูระกล่าวว่าความมุ่งมั่นในเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ไม่ใช่แค่ความเท่ แต่เป็นความปรารถนาที่จะ "สร้างสิ่งที่แตกต่าง" และ "ไม่ทำตามคนอื่น"

3. ปฏิวัติ: การกำเนิดของ Zephyr
แนวคิดในการสร้าง Zephyr เริ่มต้นจากการอยากฟื้นคืนชีพ Z2 (750cc เวอร์ชั่นญี่ปุ่นของ Z1) แต่ความคิดนี้ถูกยกเลิกไปเพราะคุณอินามูระมองว่ามันเป็นเพียง "ความหลังที่ดูเกินไป" ("懐古趣味" - Nostalgia)

* ตอบสนองตลาด: การสำรวจตลาดพบว่าผู้ใช้ต้องการมอเตอร์ไซค์ที่ "ไม่ใช่แค่สมรรถนะสูง" แต่เป็นรถที่ขับขี่สนุกและมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทีมงานจึงหันไปพัฒนา Zephyr 400 แทน

* พลังงานที่แลกมา: การพัฒนา Zephyr เผชิญกับการถกเถียงภายในอย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องกำลังเครื่องยนต์ เพราะคาวาซากิมีวัฒนธรรม "พลังที่มากขึ้น" มาตลอด แต่ทีมผู้พัฒนา Zephyr ยืนยันว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับ "แนวคิด" (Concept) และ "รสชาติ" (Taste) ในการขับขี่มากกว่ากำลังสูงสุด แม้จะต้องแลกกับการลดแรงม้าลงเพื่อให้ผ่านกฎระเบียบด้านเสียงที่เข้มงวดของญี่ปุ่น

* ความสำเร็จและการสืบทอด: แม้ Zephyr 400 จะมีกำลังไม่สูงเท่ารถคู่แข่ง แต่กลับได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในฐานะผู้นำเทรนด์รถสไตล์ "Naked Bike" (รถเปลือย) แสดงให้เห็นว่า Z-ism ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ "ความเร็วที่สุด" เท่านั้น แต่ยังรวมถึง "ความงามเหนือกาลเวลาของรูปแบบมอเตอร์ไซค์ดั้งเดิม"

* ที่มาของชื่อ: คำว่า Zephyr (เซเฟอร์) แปลว่า "ลมตะวันตก" ซึ่งมีความหมายเชื่อมโยงกับรถทรงเปลือย (Non-faired) และยังสอดคล้องกับสโมสรผู้ขับขี่คาวาซากิ (KAZE) นอกจากนี้ยังตีความได้ว่าเป็นการเคลื่อนทัพของคาวาซากิ (สำนักงานใหญ่ที่เมืองอาคาชิ) ที่ "บุก" เข้าไปในโตเกียว (แหล่งของคู่แข่ง) จากทิศตะวันตกนั่นเอง

文:バイカーズステーション編集部/写真:平野輝幸
※この記事はモーターマガジンムック『空冷Z伝 完全版』に掲載した記事を一部編集し転載しています。

UP Up
Thailand Motorcycle News

#Kawasaki #Z1 #900SuperFour #Z900 #Zephyr #Zephyr400 #Zephyr750 #Zイズム #Zism #ตำนานรถจักรยานยนต์ #รถคลาสสิค #มอเตอร์ไซค์ #ประวัติศาสตร์รถคาวาซากิ

2 - 0

Thailand Motorcycle News
Posted 1 day ago

Suzuki TL1000S: จุดเริ่มต้นแห่งความกล้าท้าทาย V-Twin สปอร์ตของซูซูกิ

UP Up
Thailand Motorcycle News

#Suzuki #TL1000S #Vtwin #ซูซูกิ #Vทวิน #RotaryDamper #SemiCamGearDrive #TL1000R #มอเตอร์ไซค์ในตำนาน #SuperSport #SV650

31 - 0

Thailand Motorcycle News
Posted 1 day ago

Suzuki TL1000S: จุดเริ่มต้นแห่งความกล้าท้าทาย V-Twin สปอร์ตของซูซูกิ

ในปี 1997 ซูซูกิได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว TL1000S (รหัส VT51A) ซึ่งเป็นซูเปอร์สปอร์ตไบค์ที่ใช้เครื่องยนต์ V-twin 90 องศา รุ่นแรกของค่าย

หัวใจสำคัญของการพัฒนารถรุ่นนี้คือการทำให้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่มีขนาดกะทัดรัดที่สุด เนื่องจากเครื่องยนต์ V-twin 90 องศามักมีความยาว ทำให้การกระจายน้ำหนักลงสู่ล้อหน้าทำได้ยาก ซูซูกิจึงต้องคิดค้นกลไกใหม่ ๆ ขึ้นมาโดยเฉพาะ:

1. นวัตกรรมเครื่องยนต์: Semi-Cam Gear Drive
เพื่อลดความเทอะทะของชุดฝาสูบ DOHC ซูซูกิได้นำระบบขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวแบบ "กึ่งเฟือง (Semi-Cam Gear Drive)" มาใช้ ซึ่งเป็นการใช้เฟืองขับเคลื่อนร่วมกับโซ่/สายพาน แทนการใช้โซ่หรือสายพานทั้งหมด วิธีนี้ช่วยลดพื้นที่ด้านบนของเครื่องยนต์ได้อย่างมาก
เครื่องยนต์ขนาด 995 ซีซี V-twin 90 องศาตัวนี้ ให้กำลังสูงสุดถึง 125 แรงม้า (รุ่นส่งออก) และมีคุณสมบัติที่น่าสนใจคือการใช้เฟรมอะลูมิเนียมแบบ Diamond frame

2. นวัตกรรมช่วงล่าง: Rotary Damper
ปัญหาใหญ่ของรถ V-twin คือการจัดวางท่อไอเสียที่ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับโช้คอัพหลังน้อยมาก ซูซูกิจึงแก้ปัญหานี้ด้วยการใช้โช้คหลังแบบพิเศษที่ไม่เหมือนใคร คือ "Rotary Damper" (แดมเปอร์แบบหมุน) ซึ่งเป็นการทำงานแบบหมุนแทนการเคลื่อนที่ขึ้นลงแบบลูกสูบทั่วไป
การออกแบบที่ชาญฉลาดนี้ทำให้สามารถแยกสปริงออกจากตัวแดมเปอร์และติดตั้งไว้ที่ด้านข้างของเฟรมได้สำเร็จ ส่งผลให้ TL1000S มีระยะฐานล้อสั้นเพียง 1,415 มม. เทียบเท่ารถในคลาสกลาง และที่โดดเด่นคือ น้ำหนักแห้งที่เบาเพียง 187 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเบามากสำหรับรถในคลาส 1,000 ซีซี

มรดกแห่งความกล้า
TL1000S ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นรถพื้นฐานสำหรับการแข่ง Superbike (Homologation) ให้กับรุ่น TL1000R ที่เปิดตัวในปีถัดมา แม้จะมีปัญหาจุกจิกในช่วงแรก ๆ เกี่ยวกับระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง (Fuel Injection) ที่ยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ความกล้าที่จะลองและพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้เอง ทำให้ซูซูกิสั่งสมประสบการณ์ด้านเครื่องยนต์ V-twin จนประสบความสำเร็จอย่างสูง และกลายเป็นรากฐานของรถ V-twin ในตระกูลถัดมา เช่น SV650 ที่ยังคงได้รับความนิยมและเป็นที่ยกย่องว่าเป็นรถทัวริ่งที่ยอดเยี่ยมจนถึงปัจจุบัน

#Suzuki #TL1000S #Vtwin #ซูซูกิ #Vทวิน #RotaryDamper #SemiCamGearDrive #TL1000R #มอเตอร์ไซค์ในตำนาน #SuperSport #SV650

11 - 2