in the future - u will be able to do some more stuff here,,,!! like pat catgirl- i mean um yeah... for now u can only see others's posts :c
ปรึกษา เรือขนส่งสินค้าเพิ่งยกเลิก เพราะพายุฤดูหนาวรุนแรงไม่น่ารอด (มิ้นไม่น่ารอด) ตอนนี้มิ้นมี option เหลือประมาณนี้ ช่วยกันเลือกกับมิ้นท์ได้ไหมคะ
1. นั่งเรือ cruise ข้ามมหาสมุทร Atlantic 7 วัน เส้น titanic ไปนิวยอร์กเรือหรูหราสวยงาม
ข้อดี : เดินทางต่อไปง่ายข้ามอเมริกายาวๆ
ข้อเสีย : ไม่เร้าใจ 555555
2. ข้ามด้วยเรือใบ ล่องไปเลย 1 เดือน ออกจากยุโรปไปแคริเบียน
ข้อดี : ลองมาเป็นกัปตัน Jack Sparrow เรียนล่องเรือใบยาวๆ อาชีพต่อไปคือกัปตัน
ข้อเสีย : น่าจะต้องบินออกเพราะไปต่อลำบากเลยแถวนั้น
2K - 336
มาอยู่บนเรือขนรถบรรทุก 60 ชั่วโมงข้ามทะเลดำจากจอร์เจียไปบัลกาเรีย จะออกจากท่าละน้า อีก 2 วันกว่าๆเจอกัน
กว่าจะได้เรือเหงื่อตกเลย เดินไปที่ท่าเรือตั้งแต่ 5 โมงเย็น บอกให้โทรตอน 6 โมง 2 ทุ่ม 4 ทุ่ม พอหลับไปแล้วตอนตี 1 หนึ่ง โทรมาเรียกขึ้นเรือเลย แต่เรือออกจริงตอน... นี้เพิ่งออก 5555 ดีเลย์ 12 ชั่วโมงในตำนาน
เรือลำนี้จะให้ความสำคัญกับคนขับรถบรรทุกก่อน เราที่ไม่มีรถบรรทุกต้องรอว่ามีเตียงว่างไหม ขึ้นมาแล้วทั้งลำเป็นคนขับรถบรรทุกผู้ชายหมดเลย แต่โชคดีได้แชร์ห้องกับคู่สามีภรรยานักขับรถบรรทุก เลยปลอดภัยหายห่วง แถมคนดูแลเรือก็เป็นผู้หญิง นับรวมผู้หญิงได้ 3 คนถ้วน
ไป 60 ชั่วโมงข้ามทะเลดำ ไว้เจอกันตอนถึงบัลกาเรียนะคะ :)
14K - 332
เขามีความสุขไหม?
ในประเทศรัสเซียทางเหนือของคอเคซัสอย่างดาเจสถาน อินกูเชเทีย เชชเนีย ที่ที่คนนอกมองเข้าไปดูเป็นพื้นที่อันตราย จะว่าไปก็เคยคล้ายกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้านเรา ที่ที่อดีตเคยมีความขัดแย้งรุนแรง มีกลุ่มติดอาวุธ ขณะที่ปัจจุบันเองก็ยังมีความรุนแรงเกิดขึ้นอยู่เป็นช่วงๆเพื่อเอิ้อประโยชน์ทางการเมือง ถนนหนทางทุกสายมีด่านตรวจ อาชีพ เศรษฐกิจไม่ได้ดีเท่าที่ควร ทั้งๆมีรายได้จากแหล่งน้ำมันมหาศาล และมีธรรมชาติสวยงาม
‘คนที่นี่มีความสุขไหม จากที่เธอได้สัมผัส?’ ปลายสายถามด้วยความสนใจ
ตัวเองหยุดคิดไปสักพัก... ถ้าเป็นสมัยก่อนอาจจะตอบว่ามีความสุข เพราะแต่ละคนที่เราเจอก็น่ารักยิ้มแย้ม ไม่มีใครบ่นอะไรพูดอะไร คิดว่าคนที่จะมอบความสุขให้คนอื่นได้ เขาก็ต้องมีความสุข แต่ในวันที่เติบโตขึ้นก็เข้าใจว่าคำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบแทนใครไม่ได้ เพราะเราไม่ได้รู้จักเขาดีพอ และเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา
‘คนที่เจอที่นี่น่ารักทุกคนเลย มีแต่พลังงานดีๆให้มา รู้สึกว่าได้รับการต้อนรับอย่างดีมากๆ แต่ถ้าถามว่าคนที่นี่มีความสุขไหม... ?’ เราค่อยๆนึกถึงคำถามอย่างใคร่ครวญ
‘ไม่รู้ว่าคนที่นี่มีความสุขใหม แต่ฉันอยู่ที่นี่แล้วมีความสุขมาก’
คนที่มอบความสุขให้เรา เขาอาจจะมีความสุข หรืออาจจะมีความทุกข์มากอยู่ก็ได้ เพราะความสามารถในการให้ความสุขคนอื่น กับความสามารถในการให้ความสุขตัวเอง มันคนละอย่างกัน แต่ถ้าเราสามารถฝึกมอบความสุขให้คนอื่น และฝึกให้ความสุขตัวเองไปพร้อมๆกันได้... มันคงจะดีที่สุดละเนอะ
7K - 68
บางอย่าง บางคน เมื่อเราสูญเสียเขาไปแล้ว มันยากที่จะเอากลับมา...
ที่นี่คือทะเลทรายที่ครั้งนึงเคยเป็นทะเลสาบที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก พื้นที่นี้เต็มไปด้วยชีวิต มีปลาจำนวนมากเลี้ยงปากท้องผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆ ท่าเรือขนาดใหญ่ขนส่งฝ้ายจากอุซเบกิสถานมาที่นี่ ชุมชนขยายตัว ผู้คน ครอบครัว อาชีพค่อยๆเติบโตขึ้น
แต่ ... ผ่านมา โซเวียตต้องการทำอุตสาหกรรมฝ้าย เลยผันน้ำจากแม่น้ำที่เคยหล่อเลี้ยงทะเลสาบไป การตักตวงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่คิดถึงผู้คนหรือธรรมชาติ พวกเขาไม่เห็นว่าน้ำก็คือชีวิต ไม่เห็นว่าคนที่นี่ก็คือชีวิตที่สำคัญไม่แพ้หรือมากกว่าความยิ่งใหญ่ของประเทศเสียอีก ผ่านไปไม่นาน น้ำแทบทั้งหมดหายไปจากทะเลสาบ ปลาหายไป เรือหายไป ผู้คนหายไป ชีวิตหายไป ทิ้งไว้แค่ผืนทราย เกลือเค็มๆ และสารพิษจากปุ๋ยปลูกฝ้าย โซเวียตไม่เหลือ ชีวิตที่นี่ก็ไม่เหลือ
วันนี้แม้จะพยายามแค่ไหนให้ทะเลสาบกลับมา แต่มันก็สายไปแล้ว ชีวิตไม่มีแล้ว น้ำไม่มีแล้ว มีแต่ฝุ่น อากาศรุนแรงขึ้น ธารน้ำแข็งหายไป เพราะไร่ฝ้ายไม่กี่แห่ง ส่งผลไปอีกหลายชั่วอายุคน
บางอย่าง บางคน เมื่อเราสูญเสียเขาไปแล้ว มันยากที่จะเอากลับมา...
ลองมองย้อนกลับมา เราเคยไหม การถูกตักตวงประโยชน์ หรือไปตักตวงผลประโยชน์จากอีกฝ่าย จนต้องสูญเสียกันไป
เคยลืมไปไหมว่าอีกคน อีกสิ่ง อีกอย่างก็เป็นชีวิตที่สำคัญพอๆกับเรา ถ้าเห็นเขาสำคัญเท่าตัวเรา หรือมากกว่า เราจะไม่ทำอะไรที่ทำร้ายเขาได้เลย
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในโลกเป็นเพราะตัวเราเอาตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สูญเสียคนรักเพราะเห็นแก่ตัว เห็นความต้องการ เห็นความรู้สึกของเราสำคัญกว่าเขา
สูญเสียเพื่อนเพราะเอาแต่รับไม่ยอมให้ พิงเขาจนเขาล้ม
สูญเสียหุ้นส่วนธุรกิจเพราะเอาแต่ตักตวง เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
ถ้าแต่ละคนเห็นอีกคนสำคัญ แค่เท่ากันหรือสำคัญกว่า เราจะทำทุกอย่างให้อีกสิ่งหรืออีกคนอยู่ได้อย่างดีที่สุด ถ้าเราเห็นทะเลสาบ แม่น้ำ แผ่นดิน ต้นไม้ สำคัญเท่าเรา เราก็จะไม่ทำร้ายเขาจนเขาหายไป ถ้าเราเห็นคนทุกคนสำคัญ เราก็จะไม่ทำร้ายกันเลย
การสูญเสียมันเกิดขึ้นด้วยกัน สูญเขา เสียเรา เหมือนทะเลแห่งนี้ที่สูญหายไป ก็เสียไปพร้อมๆกับชีวิตอื่นๆด้วย
6.7K - 136
ค้างคืนในโรงเก็บกระสวยอวกาศโซเวียตร้าง เมื่อความธรรมดาของแต่ละคนไม่เท่ากัน
“หลบ! ตำรวจ!” คนขับส่งสัญญานให้ซ่อนหลังเบาะ ระหว่างที่รถวิ่งฝ่าความมืดปลายทางอยู่ที่โรงเก็บกระสวยอวกาศร้าง...
โครงการ ‘บูราน’ เป็นชื่อในภาษารัสเซียที่แปลว่า “พายุหิมะ” เป็นโครงการอวกาศที่รัสเซียตั้งใจสร้างฝูงยานขนส่งแบบไร้มนุษย์ขึ้นในช่วงปี 80 เพื่อแข่งขันในสงครามอวกาศกับสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งเปิดตัวกระสวยอวกาศที่ชื่อ Columbia
ทันทีข่าวถึงหูสหภาพโซเวียด โซเวียตเกิดความระแวงว่าสหรัฐอเมริกาจะเอากระสวยอวกาศที่ขนของได้ถึง 30,000 กิโลไปใช้ทำอะไร จะใช้ขนอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นเพื่อโจมตีโซเวียตจากอวกาศรึเปล่า ทำให้แม้ตอนนั้นสภาพเศรษฐกิจในโซเวียตกำลังแย่ คนแทบไม่มีจำกิน แต่ผู้นำก็ตัดสินใจทำเพื่อประชาชน ด้วยการเทเงินลงไปในโปรเจคการสร้างบูราน
กระสวยอวกาศต้นแบบถูกสร้างในปี 1980 และในปี 1984 สหภาพโซเวียตก็เปิดตัวบูราน กระสวยอวกาศที่มีเทคโนโลยีที่ดีกว่าของสหรัฐอเมริกาไปอีก แต่แม้จะดีแค่ไหน เมื่อเกิดผิดที่ผิดเวลา โครงการนี้ก็ไปต่อไม่ได้ และถูกปิดตัวลงหลังโซเวียตล่มสลาย
บูรานที่เหลือไม่กี่ลำบนโลก ยังถูกเก็บไว้ที่สถานีปล่อยจรวด Baikonur Cosmodrome กลางทุ่งหญ้าของประเทศคาซัคสถานที่รัสเซียเช่าไว้จนถึงปี 2050
การเข้ามาที่นี่ผิดกฏหมาย แต่หลายคนก็เสี่ยงเดินฝ่าทะเลทรายหลบเข้าพื้นที่มา หลายคนถูกรัสเซียจับ และถูกจับบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แต่การไปเราได้รู้จักคนที่ทำงานข้างในก็เลยส่งข้อความไปถามดู
“สามารถไปที่นี่ด้วยได้ไหมคะ” เราถามเพื่อความแน่ใจ
“ได้สิ เดี๋ยวขับรถพาไปถึง แล้วไขกุญแจเปิดเข้าไปให้ พาเพื่อนไปนอนค้างมาหลายคนแล้ว ไม่มีอะไรเลย” เขาตอบพร้อมส่งรูปกระสวยอวกาศร้างมายืนยัน
หลังจากคุยกันเรียบร้อย เราก็ส่งพาสปอร์ตเข้าไป แล้วเราก็นัดเจอกันที่สถานีรถไฟ
ทุกอย่างดูเป็นปกติจนกระทั่ง...มันไม่ปกติ ขับรถไปถึงจริง มีกุญแจไขเข้าโรงเก็บจริง แต่ระหว่างทางต้องเปลี่ยนรถ เปลี่ยนคนขับ แล้วลักลอบฝ่าเนินทรายเข้า Baikonur Cosmodrome ระหว่างทางต้องหลบด่านตำรวจเป็นสิบๆ ไปถึงก็ต้องอยู่อย่างระแวง เหมือนถูกลักลอบเอาเข้าไปในพื้นที่
“นี่ไง ได้ดูปล่อยจรวด ได้นอนค้างคืนในบูราน แล้วก็ได้ซาฟารีแบบคาซัคด้วย สนุกไหม” เขาพูดพร้อมหัวเราะตอนรับเราออกมาเพื่อไปกินข้าวเช้า ส่วนเราหน้าซีดเป็นไก่ต้ม โล่งใจที่ออกมาได้
สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ ความชิวของชาวรัสเซียกับของเราไม่เท่ากัน ความธรรมดาเขากับธรรมดาเราต่างกันลิบลับ ยอมแล้ว
7.2K - 173
ความฝันแบบใด...? 30 ชั่วโมงบนรถไฟชั้น 3 ของโซเวียต
ความฝันแต่ละคนมันก็มาในรูปร่างหน้าตาที่ต่างกันไป ความฝันอย่างนึงของมิ้นท์ คือ การนั่งรถไฟโซเวียตชั้น 3 ที่ว่ากันว่าเราจะได้สัมผัสชีวิตของผู้คนอย่างที่สุด ได้เดินทางไปด้วยความเร็วของอดีต (คือช้าและไม่มีแอร์ 555)
10 ปีที่แล้วตอนนั่งรถไฟสายทรานไซบีเรียไม่กล้าลองนั่งชั้น 3 เพราะกลัวลำบาก แต่ 10 ปีผ่านมา ถึงจะแก่ขึ้น ปวดหลังขึ้น นอนยากขึ้น แต่ประสบการณ์เราเยอะขึ้นเลยตัดสินใจลอง โดยตั้งใจไว้แค่ว่า ไม่ว่าจะเจออะไรก็จะเอนจอยไปกับมัน
แต่ถึงจะคิดแบบนั้น วินาทีแรกที่ก้าวขึ้นรถไฟ ความคิดนึงที่แว้บมาในหัว คือ ทำไปทำไมวะเนี่ย!
ทั้งขบวนแทบจะไม่มีหน้าต่าง ไอความร้อนระอุ ในมือของคุณน้าคุณป้าแทบทุกคนจะถือพัดไว้คนละอัน เตียงแคบเรียงแน่นจนนับไม่ถ้วน ทางเดินเล็กนิดเดียว เตียงล่างสุดมีคนนั่งกันเต็ม เพราะเตียงชั้นบนแคบและเตี้ยแบบที่นอนได้แต่นั่งไม่ได้ ที่เป็นแบบนั้นเพราะด้านบนทำเป็นที่เก็บของวางของ คุณลุงที่เดินตามหลังมาช่วยเอาเป้เราขึ้นไปเก็บบนที่เก็บของ
ในอีก 30 ชั่วโมงข้างหน้า เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ความร้อนมากมาย น้ำชามากมาย อาหารมากมาย การคุยไม่รู้เรื่องมากมาย และเรื่องราวของอวกาศ อนาคตของมนุษย์ที่เป็นปลายทางของรถไฟขบวนนี้
แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป มนุษย์ที่ปรับตัวเองเก่งก็ค่อยๆปรับตัวได้ ปรับด้วยการยอมรับความจริงตรงหน้า แบบที่ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนให้มันสวยงาม หรือจินตนาการให้มันแย่เกินจริง คนที่เคยเดินทางบนเส้นทางนี้มานานก็ดูจะสบายๆ เด็กๆยิ่งแล้วใหญ่ สนุกกับทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า
ในขณะที่ตัวเองก็ค่อยๆยอมรับ
ทุกวินาทียอมรับ
ร้อน ยอมรับ
หิวน้ำ ยอมรับ
ที่นั่งแน่นจนหัวชน ยอมรับ
ยุงกัน ยอมรับ
ยอมรับไปทีละอย่าง จนค่อยๆนอนหลับไปพร้อมกับลมเย็นๆที่เท้าขวาที่ยื่นพ้นปลายเตียงรับลมที่พัดมาจากท้ายขบวน
ถ้าตัวเองไม่ยอมรับ ไปฝืน ไปหงุดหงิด ที่ร้อนก็ร้อนขึ้น ที่ง่ายก็ยากขึ้น ที่ยากก็ยิ่งยากขึ้น ใช้พลังงานที่มีให้ตรงกับความจริงดีกว่า และนี่ คือ 30 ชั่วโมงแห่งการยอมรับ
ความฝันเล็กๆเมื่อ 10 ปีที่ก่อนเป็นจริงแล้ว และในความจริงตลอด 30 ชั่วโมงก็รู้แล้วว่า ถ้าไม่จำเป็นคงไม่นั่งแล้วล่ะ พร้อมกับกดจองตั๋วชั้น 2 ในขาถัดไปเสร็จสรรพ
ความฝันแบบใด? ก็ความฝันแบบนี้ล่ะ
17K - 280
มาเริ่มต้นการเดินทางครั้งสุดท้ายกันค่ะ กับการเดินทางรอบโลกโดยไม่ใช้เครื่องบิน :)
ครั้งนี้จะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของมิ้นท์ในฐานะ I Roam Alone แล้วนะคะ มองย้อนกลับไปกับ 12 ปีที่ผ่านมากับ I Roam Alone เป็นช่วงเวลาที่มีค่ากับมิ้นท์มาก เรามาไกลกว่าที่ฝันไว้เยอะเลย จากจุดเริ่มต้นที่คิดว่าอยากแบ่งปันประสบการณ์ของผู้หญิงก็เดินทางคนเดียว มีคนติดตามร้อยกว่าคนก็คุ้มค่ากับการสร้างเพจขึ้นมาแล้ว ถึงวันนี้ด้วยการสนับสนุนของทุกคน ทั้งพี่ๆน้องๆที่ติดตาม ที่หลายคนก็กลายเป็นเพื่อนจริงๆในชีวิต ทั้งลูกค้าที่ไว้ใจ การเดินทางที่เรารักก็ได้กลายเป็นงาน และทำให้มิ้นท์ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ฝัน
ขอบคุณทุกๆคนมากนะคะกับ 12 ปีที่ผ่านมาที่อยู่ด้วยกัน ที่เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของมิ้นท์ ทั้งช่วงเวลาดีๆ และช่วงเวลาที่อ่อนแอ ขอบคุณที่ทำให้โลกของ I Roam Alone อบอุ่น
มาวันนี้มิ้นท์พร้อมแล้วที่จะออกจากพื้นที่ปลอดภัยของ I Roam Alone มิ้นท์อยากออกไปผจญภัย ไปเปิดประตูบานใหม่ๆ ไปลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่เคยทำแต่อยู่ในบทบาทใหม่
แต่การบอกลาด้วยคำพูดมันคงจะใจหายเกินไป อย่างน้อยก็สำหรับมิ้นท์ :) เพื่อบอกลา I Roam Alone มิ้นท์อยากมาสนุกด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการเดินทางรอบโลกโดยไม่ใช้เครื่องบิน ก็ไม่รู้จะใช้เวลานานแค่ไหน และไม่รู้ว่าจะทำได้ก่อน หรือว่าอยากกลับบ้านก่อน แต่เราก็จะมาลองไปด้วยนะ
เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ คือ มิ้นท์จะอยู่กับทุกวินาทีอย่างเต็มที่ อะไรที่ยังไม่ได้ทำและอยากทำก็จะพยายามทำ ได้ไม่ได้ไม่เป็นไร ตั้งใจจะสนุกไปกับประสบการณ์ภายนอก และคอยสังเกตุประสบการณ์ข้างใน และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะยอมรับกับทุกอย่างโดยไม่เสียดายอะไรเลย
ติดตามอัพเดทการเดินทางกันในทุกช่องทางนะคะ เจอกันระหว่างทางมาหากันได้นะ อย่าลืมเอามาม่ามาฝากด้วย เดินทางนานๆทีไร คิดถึงอะไรไม่ทรมานเท่าคิดอาหารไทยจริงๆ อิอิ
ปล. ถึงการเดินทางรอบโลกจะไม่บินแต่จะบินไปเริ่มที่คาซัคสถานนะ เพราะเดี๋ยวไปดูปล่อยจรวดไม่ทัน 555 #ปล่อยไปตามหัวใจมาก
36K - 1.5K
คอนเท้นท์ 18+ แล้ววววววว งงไปหมดดดดดดด
ไม่โป๊ ไม่เปลือย วิถีล้วนๆๆๆ แต่ก็เข้าใจว่าอาจจะจริงไปหน่อย แหะๆ
2.9K - 44
Meet & Greet Around The World
คนไทยในต่างประเทศทั่วโลก มิ้นขอไปหา!
ตั้งแต่เดินทางมา เราคอยมองหาเรื่องราวของทุกพื้นที่ผ่านคนท้องถิ่นเสมอ แต่วันนี้อยากจะฟังเรื่องราวของพี่ๆคนไทย ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศบ้างค่ะ
พี่ๆคนไทยที่ได้ไปอยู่เมืองห่างไกล อยู่นั่นเหงามั้ย? แต่ละวันทำอะไรบ้าง? ปรับตัวยังไง?
มีใครได้ทำอาชีพเท่ๆแปลกๆอยู่ต่างประเทศแล้วอยากเล่าสู่กันฟัง อยากเปิดโลกให้พวกเราบ้าง
มิ้นท์อยากไปหา อยากไปท่องโลกของพี่ๆ แล้วจะเอาของฝากจากไทยที่พี่คิดถึงไปฝากนะคะ
ถ้าใครย้ายไปอยู่ในเมืองไกลๆแปลกๆในต่างประเทศ หรือมีอาชีพในต่างแดนที่สุดสวิงริงโก้คนไม่ค่อยรู้จัก และอยากแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองกับมิ้นท์ อยากให้มิ้นท์ไปหา ขอให้เขียนมาได้เลยน้าที่ info.iroamalone@gmail.com
รายละเอียด
1. ชื่อของพี่ๆ อายุ เพศ ประวัติสั้นๆ
2. ความพิเศษหรือความแปลกของเมืองที่อยู่
3. ความพิเศษหรือความแปลกของอาชีพเรา
4. เรื่องที่อยากเล่า ความสุดขอบโลกที่อยากบอก
5. แนบรูปมาได้น้า
แล้วเจอกันนะคะกับ Meet & Greet Around The World พี่ๆคนไทยที่อยู่ต่างประเทศทั่วโลก มิ้นท์ขอไปหาาาาา!
14K - 307
เผ่านี้ต้องอ้วน! คลิปมาพรุ่งนี้ 6 โมงเย็น
เสียงกระดิ่งดังขึ้นมาตามถนน หนุ่มโสดเกือบ 100 คนค่อยๆเดินช้าๆเป็นขบวนตามกันมา สิ่งที่ชายหนุ่มกลุ่มนี้ต่างจากคนอื่นๆในเผ่า คือ ขนาดพุงที่ใหญ่โตมโหฬาร ที่เกิดจากการขุนตัวในกระท่อมด้วยการดื่มเลือดและนมวัวตลอด 6 เดือนโดยไม่ขยับตัว กินไปอ้วกไป แต่ก็ต้องกินต่อไปห้ามหยุดจนวินาทีนี้
“เราไม่ได้วัดกันเฉพาะที่ขนาดพุงนะ เดี๋ยวจะต้องโชว์การเต้น การเดินด้วยครับ” ไกด์เล่าให้ฟังระหว่างที่เรายืนรอดูขบวนกันอยู่ สีหน้าแต่ละคนแสนอิดโรยจากการเดินมาหลายชั่วโมง...
“แค่เดินก็ไม่ไหวแล้วนะคะ จะเต้นไหวหรอคะ” เราพูดด้วยความตกใจ เพราะแค่ตอนนี้ก็เห็นหลายคนเดินไปล้มไป และเวลาล้มครอบครัวนอกจากจะเข้ามาพยุง ก็ยังยื่นนมให้ดื่มต่ออีก!
“ไม่มีใครบอกว่างานนี้จะง่าย ครอบครัวต้องหานมให้เขาอย่างเพียงพอทุกวัน ส่วนชายหนุ่มแต่ละคนจะต้องมีความตั้งใจ มีวินัยในการดื่มนมดื่มเลือด บางทีดื่มกันจนอ้วกแต่ใครล่ะที่จะดื่มต่อไปเรื่อยๆ มันวัดกันตรงนี้”
“แล้วรางวัลของผู้ชนะคืออะไรคะ” เราสงสัย
“เกียรติยศของครอบครัวครับ ครอบครัวจะได้รับการยอมรับทั้งด้านฐานะ และสถานะในเผ่า ตัวชายหนุ่มก็จะได้รับการยกย่องไปตลอดชีวิต เขาจะเป็นที่เคารพ หาภรรยาได้ง่าย เห็นหญิงสาวในงานวันนี้ไหม เขาแต่งตัวกันมาเต็มที่เพื่องานนี้ล่ะ”
ไม่กี่นาทีก่อนงานจะเริ่ม เสียงเครื่องดนตรีพร้อมกระดิ่งที่ผูกที่ข้อเท้าของผู้เข้าประกวดดังแข่งกันให้ความครึกครื้นใจอย่างบอกไม่ถูก คนจำนวนหลายร้อยมารวมตัวกันที่ลานต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเด็ก ทั้งหนุ่มสาว และคนเฒ่าคนแก่ เสียงกระทืบเท้า เสียงโห่ร้องสลับกระโดด การเขย่ากระดิ่ง ของผู้เข้าประกวดเริ่มต้นขึ้น
ผู้เข้าประกวดแต่ละคน มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยทรมานกับการเคลื่อนไหวร่างกาย ความตั้งใจตลอด 6 เดือนตัดสินกันที่วันนี้...
“ลุยเลยค่ะ ลุยยยย” เราตะโกนเชียร์คนที่ล้มลงและพยายามยันตัวลุกขึ้น
เรื่องมนุษย์กับความงามเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ยอมเจ็บยอมตายเพื่อความสวยความหล่อ การศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงร่างกายมีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณย้อนไป 5,000 ปีก่อน มีการแต่งหน้า ผู้ชายกรีดตาดำ ใกล้บ้านเราก็ประเพณีมัดเท้าให้เล็กจนเดินแทบไม่ได้ การใส่ห่วงที่คอให้ดูยาวสวย หรือจะชุดคอเซทรัดเอวช่วงนึงในยุโรปที่รัดกันจนอวัยวะเคลื่อน จนเสียชีวิตไปเลยก็มี
ความงามเป็นสิ่งที่มนุษย์พยายามไขว่คว้าให้ได้มา เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองไปสู่การยอมรับและความสำเร็จในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะทวีปไหน มุมไหนของโลกก็ไม่ต่างกัน
ความทรมานเพื่อความงามในอีกซีกโลกนึงจะเป็นอย่างไร ติดตามการประกวดชายหนุ่มอ้วนรูปงาม เผ่าที่ชายต้องอ้วน ถึงหล่อ! ได้วันพรุ่งนี้ตอน 6 โมงเย็นนะคะ
3.1K - 70
For those who love traveling and getting to know different cultures.