‘ที่สุด’ ได้มีโอกาสไปลองขับมาแล้ว ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ รายละเอียดจะเป็นยังไงรับชมกันได้ในคลิปนี้เลยคร้าบ!
อย่าลืมกดปุ่มติดตามและกดกระดิ่ง เพื่อเป็นกำลังใจ และให้ไม่พลาดข่าวสารเรื่องรถ อัปเดตก่อนใครจากพวกเราชาว ‘ที่สุด’
สรุป:
BYD SEAGULL รถเก๋งไฟฟ้าคันเล็กสุดของค่าย แต่ขนาดตัวรถกลับไม่เล็กอย่างที่คิด มิติตัวรถ
มีความยาว 3.780 ม. กว้าง 1.715 ม. สูง 1.540 ม. ระยะฐานล้อ 2.500 ม. พัฒนาบนพื้นฐาน e-Platform 3.0 เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าหลากหลายรุ่นในค่าย หากเทียบกับ NETA V-II แล้ว BYD SEAGULL จะมีฐานล้อยาวกว่า 8 ซม. กว้างกว่า 2.5 ซม. แต่ตัวรถจะสั้นกว่า 29 ซม. เน้นให้ระยะ Overhang สั้น ล้อชิดมุมรถด้านหน้า-หลัง เพิ่มระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารและให้มีที่วางแบตเตอรี่ใต้ท้องรถได้มากขึ้นด้วย
ดีไซน์ภายนอก BYD SEAGULL มองเผินๆ นึกว่าแลมโบย่อส่วน ยิ่งสีเขียวแบบนี้มองผ่านๆ คือ ใช่เลย! กันชนหน้ามีความเหลี่ยมสันสไตล์สปอร์ต ประกบกับไฟหน้าแบบ Projector Lens ทรงสี่เหลี่ยม พร้อมไฟ Daytime Running Light 2 ขีดในแนวตั้งดูดุดันสุดๆ ชายกันชนหน้ามีช่องระบายอากาศตัดกับแถบการตกแต่งสีดำ เพิ่มลุคความสปอร์ตรอบคัน
ความจุสัมภาระท้ายพอๆ กับกัน NETA V เบาะหลังพับได้แบบชิ้นเดียว เมื่อพับเบาะลงแล้วจะจุได้ 930 ลิตร เพิ่มความอเนกประสงค์สไตล์รถ Hatchback 5 ประตู ในรุ่นปี 2025 มีการปรับเปลี่ยนโลโก้จาก “BUILD YOUR DREAMS” เป็น “BYD” เพิ่มความมินิมอลดูเป็นสากลมากยิ่งขึ้น
ดีไซน์ภายในมีความคล้ายกับรุ่นพี่อย่าง DOLPHIN เรียกว่าย่อส่วนมาเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่รูปทรงของเบาะคู่หน้า, พวงมาลัย แผงควบคุมแอร์ และปุ่มเปลี่ยนเกียร์ที่คอนโซลกลาง คอนโซลหน้าทรงโค้งมนลื่นไหลตามธีม Ocean Series มาพร้อมกับจอมาตรวัดดิจิทัลขนาด 7”, จอ Infotainment ขนาด 10.1" สามารถหมุนได้เอาไว้อวดคนข้างๆ ตามสไตล์ BYD
พื้นที่นั่งด้านหลังก็ถือว่ากว้างขวางกว่าที่เห็นจากภายนอก คนสูง 180 ซม. อย่างผมนั่งแล้วยังมีพื้นที่ Legroom ช่วงขาเหลือๆ พื้นรถด้านหลังเรียบสนิทยืดเท้าสบาย ส่วนพื้นที่ Headroom ก็ชิลๆ องศาตัวเบาะก็ลาดเอียงพอประมาณ ตัวเบาะรับกับต้นขาใช้ได้ เดินทางไกลก็ยังพอไหวอยู่ แต่ถ้าจะนั่งหลัง 3 คนจะค่อนข้างเบียดไหล่กันอยู่พอสมควร คันนี้ดูเหมือนจะเป็นรถสำหรับให้นั่ง 4 คนมากกว่า ยกเว้นจะให้เด็กๆ นั่ง โดยรวมแล้วถือว่ากว้างกว่า NETA V อยู่พอประมาณเลยทีเดียว
ตัวรถคันนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ 4G แถมยังมีฟังก์ชันควบคุมระบบต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันในมือถือ, มีการ์ด NFC สำหรับการปลดล็อกประตูรถด้วยการแตะบัตรที่กระจกมองข้างฝั่งคนขับมาให้ด้วย
ขุมพลังและแบตเตอรี่ BYD SEAGULL จะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 75 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร ตามสเปกที่จีนบอกว่าทำอัตราเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ได้ ภายใน 4.9 วินาที เอ๊ะ…ทำไมไม่ยอมบอกเป็นอัตราเร่ง 0-100 ก็ไม่รู้ ตัวรถทำความเร็วได้สูงสุด 130 กม./ชม.
ส่วนแบตเตอรี่แน่นอนว่าจะต้องเป็น BYD Blade Battery แบบ LFP อันเลื่องชื่อ มี 2 ขนาด 30.08 และ 38.88 kWh วิ่งได้ไกลสุด 305 และ 405 กม. ตามมาตรฐาน CTLC ของจีน รองรับการชาร์จเร็ว DC Fast Charge ที่ 30 - 40 kW สามารถชาร์จจาก 30% - 80% ได้ภายใน 30 นาที และยังรองรับการจ่ายไฟให้อุปกรณ์ภายนอกแบบ V2L สูงสุดถึง 3.3 kW หรือ 3,300 W อีกต่างหาก
ส่วนใครที่รอแบตเกลือแบบ Sodium-ion อันนี้ยังคงต้องรอกันต่อไปยังไม่มีกำหนด
ราคาของ BYD SEAGULL รุ่นล่าสุดที่ขายในจีน มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ราคา 69,800 - 85,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทย ~328,000 - 402,000 บาท หากเทียบกับ BYD DOLPHIN ที่ขายในจีน เจ้า SEAGULL จะมีราคาถูกกว่าประมาณ 30% - 34%
หากนำส่วนต่างราคาเดียวกันนี้ เทียบกับราคา DOLPHIN ที่ขายในไทย ณ วันที่ทำคลิป คาดการณ์ว่าราคาของ BYD SEAGULL ในไทยจะอยู่ที่ ~399,000 - 469,000 บาท หลังหักเงินอุดหนุนจากทางภาครัฐฯ บอกเลย…ถ้าเปิดขายไทยราคานี้ มีตลาดแตกกันแน่นอน ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ NETA V-II เลยนะจะบอกให้
____________________________
ติดต่องานได้ที่
📨 tsuitreview@gmail.com
📞 Tel. 099-639-2544
ติดตาม 'ที่สุด'ของเรื่องรีวิว ได้ที่
🔔 Facebook:
facebook.com/tsuitreview 👉 TikTok:
www.tiktok.com/@tsuitreview 🎙️ Apple Podcast:
apple.co/3Y5j5CU 🎙️ Spotify:
spoti.fi/3HtXvkk ____________________________
#BYD #BYDSeagull #รถไฟฟ้า #รีวิว
@sodapunpunnarai2336
1 week ago
ประมาณ neta v 1 ว่างั้น ดอปลิ้น น่าจะคุ้มกว่าครับ
|